BLOG
บทความ

ใครจะไปคิดว่าในชีวิตนี้จะได้ไปเยือนสวนสาธารณะที่สวยติดอันดับของประเทศญี่ปุ่นครบทั้ง 3 สวน
จริง ๆ ก็ไม่ได้เป็นเป้าหมายที่คิดว่าจะต้องทำ แต่รู้ตัวอีกทีก็ อ้าว… เราไปมาครบทั้ง 3 สวนแล้วนี่นา…
ใครที่ยังไม่รู้จัก “Three Great Gardens of Japan” (日本三名園) หรือ 3 สวนสาธารณะที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น วันนี้จะมาแนะนำให้รู้จักกันค่ะ
ถ้าใครคลุกคลีกับวงการท่องเที่ยวญี่ปุ่นล่ะก็ อาจจะพอรู้ว่าประเทศญี่ปุ่นนี่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งการจัดอันดับเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว จุดชมซากุระ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี อาหาร แหล่งออนเซ็นและอื่น ๆ อีกมากมายก็จะมีการจัดอันดับอยู่เสมอ รวมถึงสวนญี่ปุ่นก็เช่นกัน
ตามประวัติแล้วก็ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าสวนสวย 3 อันดับนี้ใครเป็นคนตัดสิน แต่ก็ถูกเรียกแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเมจิแล้วล่ะค่ะ
ซึ่ง 3 อันดับที่ว่าได้แก่
• สวนเค็งโระคุเอน จังหวัดอิชิกาวะ (Kenrokuen / 兼六園)
• สวนโคราคุเอน จังหวัดโอคายามะ (Korakuen / 後楽園)
• สวนไคราคุเอน จังหวัดอิบารากิ (Kairakuen / 偕楽園)
เนื่องจากไม่มีใครทราบที่มาที่ไปชัดเจน ก็ไม่แน่ใจว่าอะไรที่ทำให้ทั้ง 3 สวนได้รับเลือกให้เป็นสวนที่สวยที่สุด แต่ถ้าลองพิจารณาแล้วล่ะก็ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็ได้ค่ะ
ทั้ง 3 สวนแห่งนี้เพียบพร้อมไปด้วยทัศนียภาพอันงดงาม มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีการออกแบบที่โดดเด่น และครบองค์ประกอบหลักของการจัดสวนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นส่วนที่ทำให้ได้รับเลือกให้เป็นสวนสวยตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นก็ว่าได้
แต่ก็มีหลักฐานชี้ว่าคำนี้เคยใช้ลงในหนังสือภาพสำหรับชาวต่างชาติที่ตีพิมพ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1904 อาจสันนิษฐานได้ว่า คำว่า “日本三名園” หรือ 3 สวนสวยของญี่ปุ่น เป็นคำที่ใช้เพื่อโปรโมตให้กับชาวต่างชาติก็เท่านั้น
และยังมีทฤษฎีที่กล่าวไว้ว่า ทั้ง 3 สวนมีสัญลักษณ์อันเป็นตัวแทนความสวยงามของธรรมชาติของแต่ละสวนอีกด้วย
สวนเค็งโระคุเอน → หิมะ (雪)
สวนโคราคุเอน → พระจันทร์ (月)
สวนไคราคุเอน → ดอกไม้ (花)
ในประเทศญี่ปุ่นมีคำว่า “雪月花” (Setsugekka) หมายถึง หิมะ พระจันทร์ และดอกไม้ ซึ่งเป็นแนวคิดมาตั้งแต่สมัยเอโดะที่สะท้อนถึงความงามและสุนทรียภาพของธรรมชาติสำหรับชาวญี่ปุ่น พูดง่าย ๆ ก็คือ เมื่อพูดถึงความสวยงามของธรรมชาติ คนญี่ปุ่นก็จะนึกถึง “หิมะ พระจันทร์ และดอกไม้” นั่นเองค่ะ
แต่ก็ไม่มีใครบอกว่าทำไมแต่ละสวนถึงได้มีสัญลักษณ์ตัวแทนแบบนั้น…
ถ้าให้เดาล่ะก็…
เมืองคานาซาวะที่เป็นที่ตั้งของสวนเค็งโระคุเอน ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่หิมะตกเยอะ
ก็เลยอาจจะได้เป็นตัวแทนของหิมะ ❄️
ส่วนสวนโคราคุเอนที่จังหวัดโอคายามะ ก็มีเทศกาลชมจันทร์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง 🌙
และสวนไคราคุเอนที่จังหวัดอิบารากิ ก็เป็นจุดชมดอกบ๊วยชื่อดังของญี่ปุ่น 🌸
อาจจะเป็นจุดเด่นของแต่ละสถานที่ที่ได้รับเลือกมาเป็นตัวแทนของความสวยงามของธรรมชาติตามแนวคิดของชาวญี่ปุ่น จึงกลายมาเป็น 3 สวนสวยของประเทศญี่ปุ่นก็เป็นได้ค่ะ
Photo by DXR, licensed under CC BY-SA 4.0, via Wikimedia Commons.
ประเภทของสวนญี่ปุ่นมีอยู่หลากหลายแบบและมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป เช่น “คาเระซันซุย” (Karesansui / 枯山水) หรือสวนหิน เป็นการแต่งสวนที่ใช้หินและทรายเป็นส่วนประกอบหลัก เน้นความเรียบง่าย สงบนิ่ง อย่างที่เราน่าจะเคยเห็นสวนหินกรวดที่วาดลวดลายเลียนแบบการกระเพื่อมของน้ำ
ส่วนสวนสวยงามทั้ง 3 สวน เป็นประเภท “จิเซ็นไคยูชิคิ” (Chisenkaiyuushiki / 池泉回遊式) เป็นการจัดสวนที่มีบ่อน้ำตรงกลาง มีเส้นทางเดินเล่นล้อมรอบ มีสะพานหรือเกาะกลางบ่อน้ำ ระหว่างที่เดินเล่นไปตามทางเดินก็จะสามารถสัมผัสกับทัศนียภาพของสวนที่แตกต่างกันไป
นอกจากความสวยงามแล้ว ทั้ง 3 สวนยังเป็นสวนที่สร้างขึ้นโดยขุนนางตั้งแต่ในสมัยเอโดะ จึงอบอวลไปด้วยประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่อลังการ
จากประสบการณ์ที่ได้ไปเยือนทั้ง 3 สวนมาแล้ว ก็ต้องบอกว่ากว้างขวางและยิ่งใหญ่อลังการจริง ๆ ค่ะ ส่วนความสวยงามก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่สัมผัสได้จากทุกสวนก็คือ การดูแลเอาใจใส่ของผู้ดูแล แม้ว่าจะผ่านเวลามาหลายร้อยปี ก็ยังคงมีความสวยงามตามแบบฉบับให้เราได้เชยชม
“สวนเค็งโระคุเอ็น” ในเมืองคานาซาวะ จังหวัดอิชิกาวะ
เป็นสวนแรกที่ได้มีโอกาสไปเยือน และเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับ “สวนญี่ปุ่น” อย่างแท้จริง เรียกได้ว่าสร้างความประทับใจและเป็นความทรงจำที่ดีมากค่ะ
ถึงแม้ว่าสวนแห่งนี้จะได้เป็นตัวแทนของ “หิมะ” ก็ตาม แต่ความสวยงามของสวนเค็งโระคุเอนนั้น สามารถมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปีและมีเสน่ห์แตกต่างกันไปทั้ง 4 ฤดูกาล สามารถมาชมดอกซากุระก็ได้ หรือจะมาชมใบไม้เปลี่ยนสีก็ได้ รวมถึงในช่วงฤดูหนาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะก็งดงามไม่แพ้กัน
เมื่อได้เดินเล่นในสวนเค็งโระคุเอนก็เข้าใจคำว่าการจัดสวนแบบ “จิเซ็นไคยูชิคิ” ได้อย่างง่ายดาย เพราะเมื่อเดินไปตามเส้นทางเดินเล่นภายในสวน ก็จะพบกับวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างกันออกไป ราวกับผจญภัยอยู่ในธรรมชาติที่งดงาม มีทั้งจุดน่าถ่ายรูป หรือม้านั่งที่สามารถแวะพักดื่มด่ำกับธรรมชาติได้ ถือว่าเป็นสวนที่จะไม่มีทางเบื่ออย่างแน่นอน
หากใครมาเที่ยวคานาซาวะล่ะก็ ห้ามพลาดที่จะมาเยือนเชียวล่ะ
“สวนไคราคุเอน” ในเมืองมิโตะ จังหวัดอิบารากิ
สวนที่สองที่ได้มีโอกาสไปเยือน ความยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้กัน ซึ่งสวนแห่งนี้ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากเซ็นทรัลพาร์คของนิวยอร์ค สุดยอดเลยใช่ไหมคะ
แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปชมในช่วงพีคของเทศกาลดอกบ๊วย หรือ Mito Plum Blossom Festival ที่จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนมีนาคม ซึ่งถ้าหากมาที่นี่ล่ะก็จะได้พบกับต้นบ๊วยกว่า 3,000 ต้น ออกดอกสีชมพูสดใสต้อนรับอย่างเอาใจเลยล่ะค่ะ
นี่เป็นช่วงท้ายฤดูกาลแล้ว ก็เลยอาจจะเห็นเป็นหย่อม ๆ บ้างให้ไม่เหงาจนเกินไปค่ะ
อีกทั้งดันเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูกาล ก็จะรู้สึกถึงความเหงาหงอยของต้นไม้เยอะหน่อย น่าเสียดายค่ะ
และที่นี่ก็มีเรือนพักผ่อนที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1842 ให้เข้าไปเยี่ยมชม (มีค่าใช้จ่าย) และสัมผัสกับประวัติศาสตร์ผ่านการจัดแสดง พร้อมดื่มด่ำกับทิวทัศน์ของสวนในอีกมุมมองได้เช่นกัน
ลองจินตนาการว่าหากวิวนี้เต็มไปด้วยความเขียวขจี หรือเต็มไปด้วยสีชมพูแดงของดอกบ๊วย คงจะสวยตระการตามากแน่ ๆ ค่ะ
ถ้าเปรียบเทียบกับสวนเค็งโระคุเอนล่ะก็ สวนไคราคุเอนจะมีความกว้างขวางและโอ่โถงมากกว่า ใครชอบบรรยากาศโล่งโปร่งน่าจะชื่นชอบค่ะ
ส่วนสวนเค็งโระคุเอน จะมีเส้นทางเดินที่หลากหลายและรายล้อมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ในทุกเส้นทาง รวมถึงสายธารที่สร้างบรรยากาศร่มรื่นให้กับสวน ระหว่างเดินจะรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าใหญ่ สวยงามทั้งคู่แต่มีเสน่ห์ไม่เหมือนกันค่ะ
“สวนโคราคุเอน” ที่เมืองโอคายามะ จังหวัดโอคายามะ
สวนสุดท้ายที่ได้มาเยือนใน 3 สวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ไม่เคยคิดมาก่อน จนกระทั่งก้าวขาเข้าไปในสวนและคำบอกของพี่แนน ก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเราเก็บครบทั้ง 3 สวนแล้วนี่นา…
ก่อนมาเยือนที่นี่ก็ได้ชมภาพถ่ายตามอินเตอร์เน็ตมาแล้วบ่อยครั้ง ภาพของวิวสวนญี่ปุ่นที่มีฉากหลังเป็นปราสาทโอคายามะหรือปราสาทอีกาสีดำสุดเท่ รวมกันแล้วกลายเป็นทัศนียภาพที่ทำให้ประทับใจได้ง่าย ๆ เลยล่ะค่ะ
ซึ่งพอมาเยือนที่สถานที่จริงก็เป็นไปตามคาด วิวสวย ๆ ที่ได้เห็นกับตาเนื้อและได้สัมผัสสายลมกับแสงแดดที่สถานที่จริง ทำให้รู้สึกดีมาก ๆ เลย
ในช่วงที่ไปเยือนใกล้จะถึงวันเด็กผู้ชาย 5 พ.ค. มีการจัดแสดงธงปลาคาร์ปผืนใหญ่ ซึ่งมีการจัดไลต์อัพในตอนกลางคืนด้วยค่ะ
อีกทั้งสามารถแวะมาทักทายกับเหล่านกกระเรียนมงกุฎแดงกันได้
ซึ่งสวนโคราคุเอนเป็นสวนที่เพาะเลี้ยงนกกระเรียนหลายชนิด รวมถึงนกกระเรียนมงกุฎแดง มาตั้งแต่ในสมัยเอโดะ และในปัจจุบันจังหวัดโอคายามะก็เป็นจังหวัดที่มีการเพาะเลี้ยงนกกระเรียนมงกุฎแดงมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
โดยสามารถพบกับนกกระเรียนมงกุฎแดงออกมาเดินเล่นภายในสวนอย่างอิสระ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ถ้านอกเหนือจากช่วงเวลานั้น ก็สามารถไปทักทายผ่านกรงก็ได้เช่นกันค่ะ
และอย่าลืมแวะทักทายเหล่าปลาคาร์ปในบ่อกลางสวนขนาดใหญ่ที่ออกมาต้อนรับมากมาย
เราสามารถเดินขึ้นไปบนเนินเขาเล็ก ๆ เพื่อชมวิวของสวนจากด้านบน
เมื่อมองลงมาก็จะเห็นวิวด้านหน้าเป็นสวนโคราคุเอนที่มีอาคารสูงมากมายอยู่เป็นฉากหลัง
เป็นความคอนทราสของความซิวิไลซ์และธรรมชาติที่มีเสน่ห์น่าประทับใจไปอีกแบบค่ะ
ส่วนตัวรู้สึกว่าสวนโคราคุเอนจะให้ความประทับใจในด้านของมุมมหาชนหรือมุมถ่ายรูปยอดนิยม ที่พอมาเห็นด้วยตาแล้วก็รู้สึกว่าสวยงามเหมือนกับที่คาดหวังไว้จริง ๆ
ทั้ง 3 สวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ไม่ได้มีการจัดอันดับว่าสวนใดเป็นที่ 1 ที่ 2 และที่ 3
แต่เป็น TOP 3 ของสวนญี่ปุ่นที่ควรมาสัมผัสสุนทรียภาพในแบบญี่ปุ่น
ใครจะมองว่าสวนไหนสวยที่สุดก็ให้ประสบการณ์ของแต่ละคนเป็นตัวตัดสินค่ะ
อย่างไรก็ตาม ความสวยงามก็เป็นเรื่องปัจเจกค่ะ ใครจะมองว่าสวยหรือไม่สวยก็ได้
ขนาด “สวนริทสึริน” ของจังหวัดคางาวะ ยังได้รับการพูดถึงว่าเป็นสวนที่สวยงามกว่าทั้ง 3 สวน
เรียกได้ว่าสวยงามจนจัดอันดับไม่ได้เลยทีเดียว
นอกจากสวนต่าง ๆ ที่ได้รู้จักในวันนี้ ที่ประเทศญี่ปุ่นก็ยังมีสวนอื่น ๆ อีกมากมายให้เราได้เพลิดเพลิน
ไม่แน่ว่าสวนที่เราชอบที่สุด อาจจะไม่ใช่สวนที่โด่งดังที่สุดก็ได้ค่ะ 😊
ใครอยากชมบรรยากาศของสวนเค็งโระคุเอนในฤดูใบไม้ผลิและร่วง สามารถไปชมที่บล็อกก่อนหน้าได้เลย!
ชมดอกซากุระในสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น!
ชมใบไม้เปลี่ยนสีในสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น!