BLOG
บทความ

ทุกคนเคยได้ยินเรื่องราวของ “นกกระเรียนพันตัว” ไหมคะ
เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาฉันได้มีโอกาสไปเยือนศาลเจ้าแห่งหนึ่งในโอคายามะ ชื่อว่า “ศาลเจ้าคิบิสึฮิโกะ” (Kibitsuhiko Shrine / 吉備津彦神社) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าต้นแบบของนิทานพื้นบ้านโมโมทาโร่ ซึ่งโด่งดังเรื่องเซียมซีลูกพีช และนอกจากนี้ยังมีเครื่องรางน่ารัก ๆ อีกมากมาย แต่น่าเสียดายที่ตอนที่ฉันไป จุดจำหน่ายเครื่องรางปิดเสียแล้ว เลยได้เพียงชมบรรยากาศโดยรอบศาลเจ้าแทนค่ะ
สถาปัตยกรรมศาลเจ้าหลักสร้างด้วยไม้ที่สัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคียงข้างกันมีจุดจำหน่ายเครื่องราง และที่แขวน “แผ่นเอมะ” หรือแผ่นไม้สำหรับเขียนขอพร บรรยากาศโดยรวมของศาลเจ้าแห่งนี้มีความคล้ายคลึงกับที่อื่น ๆ ที่ฉันเคยไปมา
แต่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้กลับมีหนึ่งสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นพวงหลากสีขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่คู่กับแผ่นเอมะ อะไรบางอย่างที่ซ้อนกันเป็นพุ่มขนาดใหญ่จนน่าตกใจเลยล่ะค่ะ แว้บแรกฉันแอบกลัวเล็กน้อยด้วยขนาดของมัน แต่ก็สร้างความสงสัยให้ฉันมากเช่นกันค่ะ
ในวันนั้นฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพียงแค่ถ่ายรูปเก็บไว้เท่านั้น วันเวลาผ่านไปแต่ความสงสัยก็ไม่หายไป… ฉันได้ย้อนกลับมาดูรูปอีกครั้ง พบว่าพวงที่ซ้อนกันจนขนาดใหญ่โต แท้จริงแล้วคือ “นกกระเรียน” ขนาดเล็กที่เรียงซ้อนกันอยู่นั่นเอง
เมื่อจุดประกายความสงสัยแล้วนั้นฉันก็ได้เริ่มหาข้อมูลของสิ่งปริศนานี้ค่ะ
จึงได้พบว่าสิ่งนี้คือ “นกกระเรียนพันตัว” (Senbazuru / 千羽鶴)
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า Origami (折り紙) หรือการพับกระดาษของญี่ปุ่น ที่นำกระดาษมาพับให้กลายเป็นรูปร่างต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในรูปร่างสุดคลาสสิกของโอริกามิก็คือนกกระเรียน หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Orizuru (折り鶴)
แต่ทำไมต้องเป็นนกกระเรียน ?
Photo by [Author’s Name], licensed under CC BY-SA 2.0, via Wikimedia Commons.
ความเชื่อเกี่ยวกับนกกระเรียนมีมาตั้งแต่ในสมัยเอโดะ โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า “นกกระเรียน” มีอายุถึง 1,000 ปี จึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของอายุที่ยืนยาว รวมถึงความโชคดี อีกทั้งนกกระเรียนยังถือเป็นตัวแทนของญี่ปุ่น ว่ากันว่าในสมัยก่อนมีการพบนกกระเรียนเป็นจำนวนมาก ซึ่งสายพันธุ์ที่เป็นดั่งตัวแทนของญี่ปุ่นก็คือ “นกกระเรียนมงกุฎแดง”
นกกระเรียนในมุมมองของชาวญี่ปุ่น อาจเทียบได้กับการที่คนไทยมองว่าเต่าคือสัตว์มงคลและเป็นตัวแทนของความอายุยืนค่ะ
และเนื่องจากนกกระเรียนเป็นสัตว์มงคลในความคิดของชาวญี่ปุ่น ในสมัยเอโดะจึงมีความเชื่ออีกว่า หากพับนกกระเรียนได้ถึง 1,000 ตัวแล้วอธิษฐานล่ะก็ ความหวังจะเป็นจริง โดยเฉพาะการขอพรในเรื่องที่เกี่ยวกับสุขภาพหรือความยั่งยืน
หลังจากนั้นวัฒนธรรมการพับนกกระเรียนได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยหญิงสาวที่ชื่อว่า ซาซากิ ซาดาโกะ เด็กหญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งจากระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมะ ซึ่งเธอได้พยายามพับนกกระเรียน 1,000 ตัวเพื่อขอให้ตัวเองหายป่วย แต่น่าเศร้าที่สุดท้ายเธอก็เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1955 ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ของเธอก็ได้ทำออกมาเป็นนิยายหรือภาพยนตร์ในภายหลัง และทำให้การพับนกกระเรียนนี้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและการต่อต้านสงครามอีกด้วย
นอกจากจะพบเห็นนกกระเรียนกระดาษที่ศาลเจ้าแล้ว ก็ยังสามารถพบพวงนกกระเรียน 1,000 ตัวที่สวนสันติภาพ ในจังหวัดนางาซากิและจังหวัดฮิโรชิมะ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เคยโดนระเบิดปรมาณูนั่นเอง
ในตอนแรกฉันรู้แค่ว่าหากพับนกกระเรียนให้ครบ 1,000 ตัวแล้วอธิษฐาน คำขอจะเป็นจริงเพียงเท่านั้น ไม่เคยรู้มาก่อนว่าในวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้มีการนำมาเรียงร้อยแล้วนำไปแขวนไว้ที่ศาลเจ้าแบบนี้
เรื่องราวของนกกระเรียนกระดาษที่เต็มไปด้วยความหวัง พอย้อนกลับไปดูรูปที่ถ่ายมาแล้วความรู้สึกก็เปลี่ยนไปเลยค่ะ จากตอนแรกที่สงสัยว่าคืออะไร กลับกลายเป็นว่าสัมผัสได้ถึงความหวังอันล้นเปี่ยมของเจ้าของ ซึ่งดูแล้วนกกระเรียนน่าจะเกิน 1,000 ตัวแน่นอน ฉันอยากจะช่วยอธิษฐานให้พรของเขาเป็นจริงเลยล่ะค่ะ
ใครจะไปคิดว่าการพับนกกระเรียนที่ฉันมักจะหยิบกระดาษขึ้นมาพับเมื่อตอนเบื่อ ๆ จะมีความหมายและเบื้องหลังที่ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ ทำให้หลังจากนี้ฉันจะมองนกกระเรียนกระดาษไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ