BLOG

บทความ

Gun Napat on SPACIA X – ตอนที่ 2

Gun Napat on SPACIA X – ตอนที่ 2

ฉันมักจะถูกปลุกให้ตื่นด้วยอะไรสักอย่างในยามเช้าของไฟลต์บินกลางคืนถึงเช้าค่ะ ประมาณว่าตื่นขึ้นมาได้ไม่นานนักก็จะถึงเวลาเสิร์ฟอาหารเช้าบนเครื่องแล้ว เอ๊ะ! หรือว่าที่จริงแล้วฉันมักจะตื่นก่อนช่วงเวลาเสิร์ฟอาหารและของว่างกันแน่นะ 😋 เอาเป็นว่าเราจะปล่อยให้สิ่งนี้เป็นปริศนาต่อไปละกันค่ะ 😉

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมกับเสียงคนเดินและเสียงรถเข็นเสิร์ฟอาหารที่คุ้นเคย ได้เวลาอาหารเช้าแล้วสินะ! 🥞🍴✨

ฉันเลือกชุดอาหารเช้าแบบอเมริกัน (American Breakfast) ล่ะ
แต่ดูเหมือนว่าชุดอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นจะเป็นที่นิยมในคนที่นั่งบริเวณใกล้ ๆ ฉันนะ



เมื่อจัดการกับอาหารเช้าเสร็จแล้วฉันก็เริ่มมองหาห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าและแปรงฟันให้เรียบร้อยก่อนเครื่องจะลงจอดที่ญี่ปุ่น เพราะเราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะราบรื่นหรือไม่ จะมีเวลาให้เราได้เข้าห้องน้ำที่สนามบินหรือเปล่า คิวจะยาวไหม จะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นหรือไม่ เราจึงควรเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่พอจะควบคุมและคาดเดาได้อยู่บ้างค่ะ

แต่ดูเหมือนว่าคิวเข้าห้องน้ำในโซนที่ฉันนั่งนั้นก็ยาวใช่เล่นเลยค่ะ ยาวชนิดที่ว่าพี่เฟิร์นที่ลุกไปเข้าห้องน้ำก่อนหน้านี้พักใหญ่ ๆ ยังไม่กลับมาเลย… และเมื่อฉันลองมองไปทางห้องน้ำก็พบว่ามีผู้โดยสารยืนออรอกันบริเวณห้องน้ำมากมาย 🚶‍♂️🚶‍♀️🚶‍♂️🚶‍♀️

และแล้วพี่แนนสมาชิกทีมโคริอีกคนก็ตัดสินใจลุกไปสู่สถานการณ์ที่คาดเดาได้แต่ควบคุมไม่ได้อย่างการต่อคิวเข้าห้องน้ำอีกคน พร้อมทิ้งประโยคที่สะกิดให้ฉันคิดประมาณว่า “พี่ไม่รู้ว่าอีกเยอะมากไหม แต่พี่ว่าพี่จะต้องไปแล้วล่ะ” หลังจากถูกสะกิดเบา ๆ ด้วยประโยคอันทรงอิทธิพลทางความคิดของพี่แนน ฉันก็ตัดสินใจลุกไปร่วมต่อแถวรอหน้าห้องน้ำด้วยอีกคน 😂

รอไม่นานก็ได้เข้าห้องน้ำค่ะ เพราะมีห้องน้ำหลายห้อง และพี่เมเนเจอร์ของคุณกันให้ฉันเข้าก่อน (รู้สึกขอบคุณมาก ๆๆๆ เลยค่ะ) 🙇‍♀️💓

ทันทีที่ล้อเครื่องบินแตะพื้นสนามบินนาริตะและสัญญาณแจ้งรัดเข็มขัดดับลง ฉันและพี่ ๆ ทีมโคริก็พลันลุกจากที่นั่ง คว้ากระเป๋า และเดินไปยังจุดตรวจคนเข้าเมืองด้วยความรวดเร็วเพื่อไปสแตนด์บายและจัดการดูแลเรื่องต่าง ๆ

เมื่อคุณกัน ทีมคุณกัน และแฟนคลับเดินออกมากันครบแล้วก็ได้เวลาถ่ายรูปหมู่ก่อนออกเดินทางค่ะ ทุกคนดูสดชื่นแจ่มใสกันมากเลย ✨


จากนั้นคุณกันก็มาให้สัมภาษณ์พี่ ๆ นักข่าวที่มารอที่สนามบิน 📹 ฉันที่ยืนอยู่แถวนั้นพอดีก็เลยมีโอกาสได้ฟังเสียงคุณกันตอนร้องเพลงมานิดนึงค่ะ 👀👂🏼 เป็นการเริ่มต้นวันใหม่และเริ่มต้นทริปสำหรับแฟนคลับที่ดีมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ? อากาศเย็นสบายสดชื่น มีฝนโปรยปรายเล็กน้อย พร้อมเสียงร้องเพลงเพราะ ๆ จากคุณกัน 😊




📍 จุดหมายแรกของพวกเราในวันนั้นคือ “โตเกียวสกายทรี” (Tokyo Skytree) ค่ะ 🗼 หอคอยกระจายสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุที่สูงที่สุดในโลก! ที่มีจุดชมวิวเมือง และเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาย่านอาซากุสะ!


นั่งรถบัสจากสนามบินนาริตะมาไม่ทันไรก็ถึงซะแล้วค่ะ

มีป้ายต้อนรับคุณกันด้วยล่ะ!


และกิจกรรมที่ขาดไม่ได้เลยของทริปนี้…
ถ่ายรูปหมู่ค่ะ 📸😁🤳🏼


ส่วนฉันก็ใช้เวลาระหว่างนี้ไปกับการเก็บภาพและคลิปวิดีโอของที่นี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ

คุณกันมีชุดของขวัญพร้อมลายเซ็นมอบเป็นที่ระลึกให้กับเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นด้วยค่ะ 💝


เมื่อได้บัตรเข้าชมกันครบแล้วทีมโคริก็ขอถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกกันซักหน่อย และไปเดินสำรวจกันเลยค่ะ !


ชั้นจุดชมวิวคนค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ถึงกับแน่นจนเดินไม่ได้
วิวเมืองจากจุดนี้สวยมากค่ะ ฉันคิดว่าฉันสามารถยืนดูวิวอยู่ตรงนี้ได้ทั้งวันเลยล่ะ



ตอนที่เราไปกำลังมีอิเวนต์พิเศษ “W1SH RIBBON” ที่ให้ทุกคนมาเขียนคำอธิษฐานลงริบบิ้นและนำไปผูกเพื่อให้คำขอของเราเป็นจริงอยู่พอดีเลยค่ะ


คุณกันก็ได้ไปฝากคำอธิษฐานกับที่นี่มาแล้วนะคะทุกคน 🎐🌠


แล้วก็ไปหมุนตู้กาชาปองเพื่อได้ของมาเป็นรางวัลสุดพิเศษให้กับแฟน ๆ เพจ Feel Japan ด้วยนะคะ 😉🏆



จุดชมวิวเมืองผ่านกระจกใสที่น่าหวาดเสียว 😱


ชมวิวกันหนำใจแล้วก็ไปชอปปิงกันต่อที่ Skytree Shop ร้านขายของที่ระลึกที่มีของน่ารักและน่าสนใจมากมาย ชนิดที่ว่าใครที่จิตใจไม่เข้มแข็งพอฉันแนะนำว่าไม่ควรแม้แต่เดินผ่านหน้าร้านค่ะ เพราะอาจล้มละลายหรือหาทางออกมาจากที่นี่ไม่ได้ 😭


น้องโซระคาระจัง 🌟 มาสคอตของ Tokyo Skytree และผองเพื่อน 😍 น่ารักมาก



เหน็ดเหนื่อยจากการชมและชอปปิงสิ่งน่ารักทั้งหลายทั้งปวงแล้ว เราก็เคลื่อนพลแบบคนขาอ่อนแรงเพราะสูญเสียพลัง (และทรัพย์) ไปกับสินค้าในร้าน เพื่อไปเติมพลังกันที่ร้าน “คุนิมิ” (Kunimi) ร้านอาหารที่สามารถชม Tokyo Skytree ได้อย่างใกล้ชิด เพราะร้านอยู่ชั้นบนสุดของ Toyko Solamachi ห้างสรรพสินค้าที่อยู่บริเวณฐานของ Tokyo Skytree



ทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในร้าน ความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าที่มีอยู่บ้างเล็กน้อยก่อนหน้านี้ก็หายไปค่ะ ดูเหมือนจะเป็นเพราะบรรยากาศโดยรวมของร้านที่ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจแปลก ๆ ภายในร้านเน้นการตกแต่งด้วยไม้และมีกลิ่นอายสมัยเอโดะ ผสมผสานกับการออกแบบสมัยใหม่อย่างลงตัวด้วยกระจกใสแผ่นกว้างที่เปิดรับแสงอย่างเต็มที่พร้อมเผยให้เห็นวิวเมืองและ Toyko Skytree ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ส่วนไหนของร้าน ดูเหมือนจะเป็นอีกที่ที่ฉันสามารถนั่งได้ทั้งวันค่ะ



ฉันผู้หลงอยู่ในห้วงอะไรสักอย่างอยู่พักหนึ่งรีบดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว เพราะฉันต้องไม่ลืมที่จะเก็บภาพและคลิปวิดีโอของอาหารและบรรยากาศภายในร้านคุนิมิแห่งนี้! และที่สำคัญคือ… จะมีการไลฟ์สดของคุณกันขณะรับประทานอาหารกลางวันลงเพจ Feel Japan นั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นการไลฟ์แรกของทริปนี้อีกด้วยค่ะ

ฉันจึงรีบถ่ายภาพอย่างรวดเร็ว ต่อด้วยถ่ายวิดีโอ แล้วจึงหยิบหูฟังมาไว้ฟังเพื่อช่วยพี่ ๆ ในทีมเช็คการไลฟ์สดว่าเป็นไปได้ด้วยดีไหม ดีเลย์แค่ไหน มีเสียงรบกวนไหม และมีปัญหาอะไรหรือเปล่าค่ะ




และแน่นอนค่ะว่าระหว่างนี้เราก็ต้องลิ้มรสความอร่อยของอาหารเซ็ตสไตล์ญี่ปุ่น ที่ทางร้านใช้วัตถุดิบอย่างดีไปด้วยค่ะ แต่แล้วอุปสรรคเล็ก ๆ ในการกินและทำงานของฉันก็เกิดขึ้น! เมื่อเมนูอาหารค่อย ๆ ถูกนำมาจัดวางบนโต๊ะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทีละอย่าง ๆ ฉันจึงต้องถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวแบบรวมของเซ็ตอาหารบนโต๊ะทั้งหมด-ใหม่-อีกรอบในทุกครั้งที่มีการมาเสิร์ฟเพิ่ม เพราะไม่รู้ว่าจะมีมาเพิ่มอีก หรือหมดแล้ว หรือยังไงกันนะ 🤣

ส่วนใครที่อยากชมบรรยากาศภายในร้านและเมนูอาหาร สามารถเข้าไปชมไลฟ์ของคุณกัน นภัทร ได้ 👉🏼ที่นี่👈🏼 เลยค่ะ

และแล้วชั่วโมงอิสระก็มาถึง…
หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันกันเสร็จ คณะทัวร์ของพวกเราก็ได้กระจายตัวออกไปเดินเล่นและชอปปิงกันในบริเวณของ Tokyo Solamachi ก่อนที่จะมาเจอกันที่จุดนัดพบบริเวณหน้าลานน้ำพุ




ที่นี่มีร้านอาหาร ร้านขนม และร้านขายของที่ระลึกเยอะมากจริง ๆ ค่ะ และน่ากินมากด้วย 🤤 บรรยากาศด้านหน้าห้างก็ดีไม่แพ้กัน แดดดี ๆ ท้องฟ้าแจ่มใส และอากาศที่ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป ☁️🌞

เมื่อถึงเวลานัดทุกคนก็มารวมตัวกันที่จุดนัดพบพร้อมของกินที่ติดไม้ติดมือมาเล็กน้อย และเตรียมตัวที่จะขึ้นรถทัวร์ไปสู่จุดหมายถัดไป!