BLOG

บทความ

การพบกันครั้งแรกของเพื่อนใหม่ “คางาวะ”

การพบกันครั้งแรกของเพื่อนใหม่ “คางาวะ”

ความรู้สึกตอนนั่งเครื่องบินครั้งแรกเป็นอย่างไรนะ
ความรู้สึกตอนเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกเป็นอย่างไรนะ
ทุกคนจำความรู้สึกในช่วงเวลานั้นได้หรือเปล่าค่ะ

วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์จากการทำงานที่โคริ แพลนนิ่ง บ้านขนาดพอเหมาะที่แสนอบอุ่นหลังนี้ให้ทุกคนได้ฟังกันค่ะ อาจจะไกลไปนิดขอพาทุกคนย้อนไปในปี 2557 ค่ะ

ย้อนไปเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วถ้าพูดถึง Kagawa หลายคนจะนึกถึงนักฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น ชินจิ คากาวะ (Shinji Kagawa) แม้กระทั่ง google ก็จะเจอแต่ภาพและข้อมูลของนักเตะท่านนี้ ไม่ก็นึกถึงภาพทะเลสาบที่มีภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะเป็นฉากหลัง ไม่ก็ภาพหลวงพ่อโต แต่นั้นคือ จังหวัดคานากาวะค่ะ

Kagawa (香川県) ในภาษาไทยพวกเราสะกดว่า “คางาวะ” ตอนนั้นยังไม่มีการใช้ภาษาไทย ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษแทนไปเลย ตอนแรกอยากใช้ คากาวะ เพราะคิดว่า ‘ก’ ออกเสียงง่ายกว่า ‘ง’ ทว่าพอค้นหา “คากาวะ” สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาล้วนเป็นคุณชินจิ คากาวะ พวกเราคิดว่าเราสะกดอีกแบบดีกว่าเพราะพอค้นหา “คางาวะ” จะมีข้อมูลท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัดคางาวะออกมาแทนค่ะ

พอตอนนี้ลองค้นหาชื่อคุณชินจิ คากาวะ ก็จะโดนให้แก้เป็นชินจิ คางาวะ พอค้นหา “คางาวะ” ก็จะเจอคุณเขาด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยค่ะ ^^;

นี่ก็เลยเป็นที่มาของการสะกดชื่อจังหวัด “คางาวะ” เป็นภาษาไทย
เกริ่นซะยาวเลยค่ะ

การเดินทางครั้งนี้เป็น FAM Trip คนไทยครั้งแรกของจังหวัดคางาวะค่ะ

FAM Trip ย่อมาจาก Familiarization Trip เป็นการเชิญสื่อ บริษัทท่องเที่ยวไปสัมผัสสถานที่จริง ได้ใกล้ชิดสนิทสนมคุ้นเคยกับที่นั้นๆ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก และอาหาร เมื่อได้สัมผัสประสบการณ์จริงแล้วจะได้กลับมาโปรโมทผ่านสื่อต่างๆ และจัดทำโปรแกรมท่องเที่ยว เพื่อนำเสนอถ่ายทอดให้คนไทยรู้จักและไปท่องเที่ยวจังหวัดคางาวะมากขึ้นค่ะ

ผู้ร่วมทริปมาจากบริษัทท่องเที่ยว 2 คน จากนิตยสารคนละสำนักพิมพ์ 3 คน และเจ้าหน้าที่สายการบิน China Airlines สายการบินไต้หวันที่สามารถโดยสารจากไทย เปลี่ยนเครื่องที่ไทเป แล้วบินตรงเข้าเมืองทากามาทสึ จังหวัดคางาวะได้เลยค่ะ และในครั้งนี้จะเดินทางไปเก็บข้อมูลเพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวผ่านทางเฟสบุ๊คคางาวะภาษาไทยด้วย บริษัทเราเลยไปทั้งหมด 3 คนเพราะต้องเก็บข้อมูล ล่าม และถ่ายภาพค่ะ รวมสมาชิกทั้งหมด 9 คนด้วยกันค่ะ

การเดินทางครั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 11 – 15 พฤศจิกายน 2557
5 วัน 4 คืน ณ จังหวัดคางาวะ
การเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก! การขึ้นเครื่องบินครั้งแรก! การไปทำงานในสนามจริงครั้งแรก!

‘ครั้งแรกมักน่าตื่นเต้นเสมอ’
ว่าแล้วก็ออกเดินทางกันค่ะ

พวกเรานัดพบกันที่สนามบินในตอนเช้าตรู่ เมื่อทุกคนเช็คอินครบพวกเราเข้าไปในเกทกัน ทุกคนพักผ่อนเดินเล่นตามอัธยาศัย แล้วพบกันอีกทีที่จุดนั่งรอเรียกขึ้นเครื่อง และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วค่ะ


เสียงประกาศให้ผู้สารทุกคนคาดเข็มขัด เครื่องบินค่อยๆ ขับเคลื่อนออกมาอย่างแผ่วเบา เสียงตีด…ดังขึ้น ไฟในเครื่องดับลง ก่อนจะเร่งความเร็วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เครื่องบินค่อยๆ เอียงจนรู้สึกได้ราวๆ 45 องศา เป็นครั้งแรกที่ได้แอบมองหลังคาบ้านคนอื่น และมองทุ่งนาจากมุมบน… ความรู้สึกที่เครื่องบินกำลังพุ่งขึ้นท้องฟ้าตอนนั้นรู้สึกกังวล ปนกับความรู้สึกเป็นอิสระค่ะ

จากกรุงเทพฯ ในตอนเช้า โผล่อีกทีก็กลายเป็นไทเปในตอนบ่าย จังหวะที่ก้าวเท้าออกจากเครื่องแตะขอบบันไดเชื่อมเครื่องบินและอาคาร โอ้…นี่คือ ก้าวแรกในต่างประเทศของฉัน!

ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องไปสนามบินทากามาทสึ พวกเรามีเวลาพอที่จะเดินซื้อของในสนามบิน เมื่อได้เวลาก็มาเจอกันที่จุดรอเรียกขึ้นเครื่อง พนักงานภาคสนามของสายการบิน ประกาศเป็นภาษาอังกฤษ จีน และญี่ปุ่น (ลาก่อนภาษาไทยที่คุ้นเคย)

เมื่อใกล้ถึงสนามบินทากามาทสึ เสียงประกาศให้ผู้โดยสารนั่งประจำที่ รัดเข็มขัด สัญญาณไฟสว่างขึ้น เครื่องบินค่อยๆ ทะลุชั้นก้อนเมฆสีขาวปุย ทะเลอันกว้างใหญ่เวิ้งว้างอยู่เบื้องล่าง ภูเขาลูกโต ทุ่งนาที่ไร้ต้นข้าวสีเขียว บ้านเรือนหลังเล็ก เรือลอยในทะเลจนเป็นริ้วสีขาว

“ขณะนี้เดินทางมาถึงสนามบินทากามาทสึเรียบร้อยแล้ว กรุณานั่งประจำที่จนกว่าสัญญาณรัดเข็มขัดจะดับลง…”

ด้านนอกเครื่องบินความมืดเริ่มเข้ามาทักทาย
เมื่อสัญญาณดับลงผู้โดยสารภายในเครื่องพากันลุกหยิบสัมภาระในช่องเก็บของต่อคิวรอออกจากเครื่องบิน

วินาทีที่ก้าวเท้าออกจากเครื่องสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นในฤดูใบไม้ร่วงที่กระทบผิวกาย แม้ไม่หนาวมากนักก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง

ณ จุดตรวจคนเข้าเมือง แถวของต่างชาติก็ยาวประมาณหนึ่ง เพราะมีผู้โดยสารจากไต้หวันมาเที่ยวคางาวะเป็นจำนวนมาก

เล่มพาสปอร์ตที่ขาวสะอาดพนักงานที่สนามบินสามารถเลือกหน้าที่อยากจะแปะสติ๊กเกอร์ได้อย่างสบายใจ จากนั้นรอรับกระเป๋าและเตรียมออกไปข้างนอก

เมื่อออกไปพบกับเจ้าหน้าที่จังหวัดคางาวะมากหน้าหลายตาล้วนไม่คุ้นเคยรอรับอยู่ด้านนอก สร้างความประทับใจแรกให้กับผู้เข้าร่วม หลังจากนั้นพวกเราขึ้นรถบัส ระหว่างทางก็แนะนำตัวกันไป เผลอแพล็บเดียวก็ถึงโรงแรมเสียแล้ว

วันนี้เป็นวันแรกที่มาถึงจังหวัดคางาวะ ทางจังหวัดจึงได้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับทุกท่านไว้ ภายในงานมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน และแผนกต่างๆ มาเข้าร่วม ล้วนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัด


และฉันได้นั่งข้างคุณอิ. ซึ่งตอนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่แผนกส่งเสริมการท่องเที่ยว ดูแลตลาดไทย คุณอิ. เป็นคนใจดี ใจเย็น และพยายามที่จะทำความเข้าใจคนคนนี้

ตอนนั้นเคยเจอคนญี่ปุ่นแค่อาจารย์ในมหาลัย การพูดของอาจารย์จะพูดเพื่อให้เด็กเข้าใจ งานเลี้ยงนั้นเหมือนสนามรบเลยค่ะ คนญี่ปุ่นจริงๆ ภาษาญี่ปุ่นแท้ๆ ทุกทิศทางล้วนมีแต่ภาษาญี่ปุ่นพรั่งพรูออกมาเหมือนน้ำที่ไหลออกมาจากเขื่อนในฤดูน้ำหลากเลยค่ะ

จึงเกิดสถานการณ์ที่ให้คนญี่ปุ่นพูดทวนซ้ำอีกครั้ง…

คนไทยถ้าไม่ได้ยินหรือได้ยินไม่ชัด เราจะพูดประมาณว่า “ห๊ะ? อะไรนะ”
คำว่า “ห๊ะ?” หลุดออกจากปากบ่อยมาก โดยที่ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าทำอะไรพลาดไปค่ะ จนทีหลังได้รู้จากพี่ชิว่า คำนั้นในภาษาญี่ปุ่นไม่ควรจะพูดออกไปในบทสนทนากับผู้ใหญ่ ถ้าไม่ได้ยินให้พูดว่า “เอ๊ะ?” (えっ?) แทน เพราะคำว่า “ห๊ะ” (はぁ?) ในภาษาญี่ปุ่นให้ความรู้สึกเหมือนไม่เห็นด้วย หรือมีข้อขัดแย้งเล็กน้อยกับสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามพูดออกมา หรือใช้ในกรณีที่ตกใจค่ะ

พอได้ทราบดังนั้น สถานการณ์ที่ผ่านมาบนโต๊ะอาหารในคืนนั้นต่างผุดขึ้นมาเหมือนฉากในหนังที่ตัวเอกความจำเสื่อมแล้วจู่ๆ ภาพในอดีตก็โผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วค่ะ

เมื่อมีโอกาสจึงได้ขอโทษคุณอิ. เป็นที่เรียบร้อยด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ค่ะ คุณอิ. เป็นคนใจกว้างมากเลยค่ะ

อาจเรียกได้ว่าเป็นความต่างของวัฒนธรรมทางภาษาของแต่ละประเทศ ซึ่งได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริงเป็นที่เรียบร้อย… ขอบคุณบทเรียนในครั้งนั้นมากค่ะ

เมื่อพูดถึงจังหวัดคางาวะแล้วนึกถึงอะไรกันค่ะ
แน่นอนว่าเมื่อมาจังหวัดคางาวะก็ต้องกิน “อุด้ง” เมนูอันโด่งดังทั่วญี่ปุ่น
สำหรับคนญี่ปุ่นเมื่อพูดถึงอุด้ง ก็จะนึกถึงจังหวัดคางาวะค่ะ

FAM Trip ครั้งนี้พวกเราได้ทดลองทำอุด้งและชิมฝีมือตัวเองด้วยค่ะ




นอกจากได้ลงมือทำเส้นอุด้งแล้ว ได้เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ทัศนียภาพอันงดงามของจังหวัดคางาวะทั้งสวนริทสึริน ศาลเจ้าโคโตฮิรากู และสวนมะกอกโชโดะชิมะ เป็นต้นค่ะ




ก่อนที่จะมาเก็บข้อมูลสถานที่จริงได้ลองอ่านข้อมูลดูภาพจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งไม่เหมือนกับการมาสถานที่จริง สัมผัสผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ผ่านตา ลิ้น จมูก หู และผิวหนัง ได้ความรู้กลับไปเยอะมากค่ะ

เหมือนกับสำนวนที่ว่า “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” คำพูดมากมายเกี่ยวกับสิ่งหนึ่งๆ ก็สู้การไปเห็นด้วยตาตัวเองไม่ได้ค่ะ





ทุกวันคุณอิ.จะร่วมเดินทางไปกับพวกเรา คอยแนะนำข้อมูลต่างๆ เกล็ดเล็กเกล็ดน้อยเกี่ยวกับจังหวัดคางาวะให้ฟังบนรถ ทำให้รู้ว่าจังหวัดคางาวะเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น

ช่วงที่นั่งบนรถมองวิวนอกหน้าต่าง ความทรงจำ ความรู้สึก ความประทับใจจากวันที่ผ่านมา จู่ๆ ก็มีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมา “คางาวะ จังหวัดเล็กๆ ที่จะทำให้หัวใจคุณพองโต” คำจำกัดความที่นำเสนอภาพของจังหวัดคางาวะได้เป็นอย่างดีค่ะ


เผลอแพล็บๆ ก็วันสุดท้ายของทริปแล้วค่ะ
พอเราได้สนุกหรือมีความสุขไปกับสิ่งไหนเวลาก็จะยิ่งเดินเร็วมากขึ้นเท่านั้นค่ะ

ช่วงเวลา 4 วัน เหมือนได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ที่ชื่อคางาวะได้เล็กน้อย แต่กลับรู้สึกสนิทใจเหมือนรู้จักกันมานาน เพื่อนคนนี้เป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์พอตัวเลยค่ะ ไม่ธรรมดานะนี่ สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร ผู้คนทุกอย่างเมื่อมารวมกันแล้วทำให้หัวใจพองโตได้จริงค่ะ ประทับใจมากค่ะ

ตอนนั้นไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จะได้กลับมาที่นี่อีกไหม เลยคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะกลับมาที่นี่ให้ได้อีกครั้งค่ะ
เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า บ้านเรือนค่อยๆ เล็กลง จู่ๆ น้ำตาก็คลอเพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกไหม…




จากวันนั้นจนถึงวันนี้ได้รู้จักเพื่อนใหม่คนนี้มาประมาณ 7 ปี จนจะเรียกว่าเพื่อนสนิทดีไหมนะ? แม้จะเป็นฝ่ายเดียวที่ได้เรียนรู้ ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ได้มองเห็นมุมต่างๆ ได้เห็นเพื่อนคนนี้มีคนรู้จักมากขึ้น มีคนไทยไปเยี่ยมบ่อยขึ้น มีเพื่อนคนไทยมากขึ้น ยิ่งรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้มีเสน่ห์ที่ล้นหลามจริงๆ

ครั้งนั้นเป็นการเดินทางครั้งแรกความทรงจำเลยอาจจะชัดเจนกว่าช่วงเวลาอื่น สิ่งที่คงไว้จากการเดินทางแต่ละครั้ง คือความทรงจำอันล้ำค่าค่ะ

นี่เป็นภาพแสงสุดท้ายของวันที่สนามบินทากามาทสึในวันนั้นค่ะ

หวังว่าคนไทยจะได้พบกับเสน่ห์ของ “จังหวัดคางาวะ” ในเร็ววันนะคะ
จนกว่าจะถึงเวลานั้นรักษาสุขภาพค่ะ
Stay healthy, be happy!