BLOG
บทความ
สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากได้อ่านเรื่องราวชีวิตของเด็กอินเทิร์นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นยังไงกันบ้างคะ และใช่ค่ะฉันก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับโอกาสให้มาฝึกงานที่บริษัทโคริแห่งนี้ การใช้ชีวิตในเมืองกรุงที่แสนจะวุ่นวายสำหรับเด็กต่างจังหวัด ก็เป็นเรื่องที่ยากเหมือนกันนะคะ และแน่นอนว่ารวมตัวถึงฉันด้วย ความที่มากรุงเทพฯครั้งแรกแบบครั้งแรกจริง ๆ ทำให้ทุกอย่างดูแปลกตาไปหมด ตอนที่มาถึงก็คิดในใจว่า “จะใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ รอดใช่ไหมเนี่ย” แต่ยังดีที่มีเพื่อนอีกคนที่เป็นผู้ร่วมชะตากรรมกับเราในครั้งนี้ค่ะ เลยทำให้พออุ่นใจขึ้นมาบ้าง และแน่นอนว่าการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ขอเริ่มจากการเดินทางก่อนเลยแล้วกันนะคะ ทุกเช้าเราจะนั่งแท็กซี่เพื่อไปเข้างานตอน 7.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เช้ามากสำหรับตัวฉันและเพื่อน เพราะถ้าอยู่ที่มหาลัยคาบเรียนที่เช้าที่สุดก็แค่ 8.00 น. หรือบางที อาจารย์ก็เลตให้ถึง 8.30 น. แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราเตรียมใจมาก่อนตั้งแต่ตัดสินใจมาฝึกงานที่นี่แล้ว ส่วนขากลับเราก็จะนั่งรถเมล์กันค่ะ จะเรียกว่านั่งดีไหมนะ? เพราะขึ้นรถเมล์แต่ละที… แทบจะไม่ได้นั่ง เห็นรถเมล์ที่วิ่งผ่านไปแต่ละคันคนแน่นอัดกันเหมือนปลากระป๋องเลย ยิ่งถ้าวันไหนรถติดล่ะก็… ยืนจนขาแข็งเลยค่ะกว่าจะถึงป้ายที่จะลง
ขอมาเล่าในพาร์ตของการทำงานกันบ้างนะคะ ตอนที่มาทำงานวันแรกทั้งกดดันและตื่นเต้น ความรู้สึกปนกันไปหมดอธิบายไม่ถูก แต่พอได้เข้ามาทำงานจริง ๆ พี่ ๆ ดูใจดีเป็นกันเองมากเลยค่ะ ในช่วงสัปดาห์แรกก็ได้รับมอบหมายให้แยกนามบัตร นับโบรชัวร์ ทำทัวร์รีเสิร์ช ทำให้ได้เห็นสถานที่ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับฉันคืองานแปลค่ะ ถึงแม้จะเรียนวิชาการแปลมาแล้วบ้าง แต่พอมาเจองานที่ทำจริง ๆ มันแตกต่างจากสิ่งที่เรียนมาเลย คันจิบางตัวก็อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง เอ๊ะ! คำนี้คุ้น ๆ นะ เหมือนเคยเรียนมาแล้ว แต่ทำไมจำไม่ได้ ช่างเป็นอะไรที่น่าเศร้า พอส่งให้พี่แนนตรวจก็โดนแก้ไปหลายรอบเลยค่ะ ทำงานไม่เรียบร้อยบ้าง แปลไม่ครบบ้าง บวกกับการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ทำงานช้าไปอีก แต่พี่ ๆ ก็คอยบอกและคอยสอนอยู่เรื่อย ๆ ต้องขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนจริง ๆ ค่ะ คิดว่าหลังจากฝึกงานเสร็จกลับไปที่มหาลัยคงจะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้คล่องเลยล่ะค่ะ
พอถึงช่วงพักกลางวัน ทุกคนก็จะลงไปซื้อข้าวมากินด้วยกัน ระหว่างกินข้าวพี่ ๆ ก็พูดคุยกันไปด้วย ส่วนตัวฉันกับเพื่อนก็ได้แต่นั่งฟังเพราะเป็นคนพูดไม่เก่ง ถึงแม้พี่ ๆ จะชวนคุยแต่ก็คุยได้แค่บางช่วง เพราะเป็นคนต่อบทสนทนาไม่เก่งเลย จนเพื่อนยกให้เป็นคนที่เงียบที่สุดในกลุ่มเลยก็ว่าได้ ถ้าวันไหนที่พี่กุ้งเข้าออฟฟิศ บรรยากาศในออฟฟิศก็จะดูครึกครื้นขึ้นมาหน่อย แต่ไม่ใช่ว่าวันที่พี่กุ้งไม่ได้เข้า แล้วบรรยากาศจะเงียบเหงานะคะ บางทีตอนพวกพี่คุยงานกันก็จะได้ยินเสียงหัวเราะ หรือบางวันที่นั่งกินข้าวด้วยกันพี่แนนก็จะมีเรื่องตลก ๆ มาเล่าให้ฟัง ก็อดที่จะขำไม่ได้
มีช่วงหนึ่งที่เป็น WFH เพราะพี่ ๆ ต้องไปทำงานที่ญี่ปุ่น ฉันกับเพื่อนเลยต้องหอบงานไปทำที่ห้องเกือบหนึ่งสัปดาห์ บรรยากาศก็จะดูเงียบ ๆ หน่อย เพราะต่างคนต่างทำงาน บางทีก็แอบคิดถึงบรรยากาศการทำงานในออฟฟิศเหมือนกันนะ พอพี่ ๆ กลับมาจากญี่ปุ่นก็มีของฝากมาให้ด้วย น่ารักมาก ๆ เลย
และเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสออกไปทำงานนอกสถานที่ เป็นงานสัมมนาการท่องเที่ยว ทุกคนในงานดูเป็นมืออาชีพมาก ส่วนตัวเราก็ได้แค่ช่วยพี่ ๆ แจกโบรชัวร์กับของที่ระลึก ตอนที่พี่แนนกับพี่เฟิร์นให้คำปรึกษากับคนที่มาสอบถามรายละเอียด ดูเป็นคนที่มีข้อมูลในหัวเยอะมาก มืออาชีพสุด ๆ บางทีเราก็แอบคิด “ถ้าเราทำงานจริง ๆ แล้วจะเก่งเหมือนพวกพี่เขาไหมนะ” บริษัท โคริ แพลนนิ่ง ถึงแม้จะเป็นบริษัทเล็ก ๆ แต่ผลงานที่ทำออกมาไม่เล็กนะคะ คุณภาพสุด ๆ ทุกคนดูใส่ใจกับงานที่ทำเก็บรายละเอียดทุกเม็ด บรรยากาศการทำงานก็ดูสบาย ๆ ไม่เครียดมากจนเกินไป คิดว่าทุกคนที่มีโอกาสได้มาฝึกงานหรือทำงานที่นี่น่าจะชอบ และอาจจะเป็นบริษัทในฝันของใครหลาย ๆ คนเลยก็ได้ค่ะ
พอเล่ามาถึงตอนนี้ สัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์สุดท้ายแล้วที่จะได้ฝึกงานอยู่ในที่แห่งนี้ งานสุดท้ายที่ได้รับมอบหมาย (ไหมนะ?) คือ การตัดต่อวีดีโอ จะว่าเป็นงานที่ถนัดก็ไม่เชิง เพราะไม่เคยตัดต่อวีดีโอแบบจริง ๆ จัง ๆ สักที หวังว่าจะทำออกมาได้ดีนะ และก็เป็นสัปดาห์ที่ได้กินเลี้ยงกับพี่ ๆ ก่อนที่จะกลับ ได้เจอพี่ชิครั้งแรกหลังจากที่มาฝึกงานได้เกือบจะสองเดือน เจอครั้งแรกก็จะเกร็ง ๆ หน่อย แถมได้ขนมของฝากจากญี่ปุ่นมาด้วย (ขอบคุณค่ะ)
และนี่คือเรื่องราวชีวิตของนักศึกษาฝึกงานที่อยากจะเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันค่ะ สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณอาจารย์และบริษัทโคริแห่งนี้ ที่ได้มอบโอกาสให้กับเด็กนักศึกษาฝึกงานคนนี้ ได้มีประสบการณ์การทำงานครั้งแรกที่หาไม่ได้จากที่ไหน ถึงแม้จะเป็นเวลาที่ไม่นานมากแต่ก็เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก ทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากที่นี่ และถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่ได้เจอสังคมการทำงานที่ดีขนาดนี้ พี่ ๆ ทุกคนในโคริดูแลดีมาก คิดว่ากลับไปคงต้องคิดถึงเสียงหัวเราะของพี่ ๆ แน่เลย ไว้พบกันใหม่เมื่อมีโอกาสนะคะ