BLOG

บทความ

ตะลุยหาของอร่อยที่ตลาดปลาสึคิจิ (Tsukiji Outer Market)

ตะลุยหาของอร่อยที่ตลาดปลาสึคิจิ (Tsukiji Outer Market)

ถ้าพูดถึงแหล่งของกินในโตเกียว จะขาดชื่อนี้ไปไม่ได้เลย
นั่นก็คือ “ตลาดปลาสึคิจิ” ค่ะ

📍Tsukiji Outer Market (築地場外市場)
https://maps.app.goo.gl/UW1YWn33KsKkaSyd7

เป็นชื่อที่ติดหูนักท่องเที่ยวชาวไทยมาอย่างเนิ่นนาน
ใครที่ไปเที่ยวโตเกียว ร้อยทั้งร้อยก็ต้องเคยไปฝากท้องที่ตลาดแห่งนี้

ทุกคนคงเคยได้ยินว่าตลาดปลาสึคิจิย้ายไปที่อื่นใช่ไหมคะ
หลายคนยังลังเลว่า ตลาดปลาสึคิจิยังไปเที่ยวได้ไหม? หรือยังมีอยู่ไหม?
ขอบอกว่า ยังมี และสามารถมาเอร็ดอร่อยกับอาหารได้เหมือนเดิมค่ะ

ตลาดปลาสึคิจิ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ ตลาดในและตลาดนอก
• ตลาดใน (Jo-nai / 場内) คือพื้นที่ส่วนตลาดสดหรือที่รู้จักกันว่าเป็นสถานที่ประมูลปลาทูน่าที่โด่งดัง
• ตลาดนอก (Jo-gai / 場外) คือพื้นที่ที่เรียงรายไปด้วยร้านอาหารที่จำหน่ายเมนูที่ทำจากวัตถุดิบสดใหม่ พร้อมเสิร์ฟให้กับลูกค้าได้เอร็ดอร่อย

ซึ่งตลาดในที่เป็นของเหล่าพ่อค้าแม่ค้ามาประมูลปลาหรือซื้อส่งกัน ได้ถูกย้ายไปยังโทโยสุ เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่ต้องรักษาความสะอาดและคุณภาพของสินค้าให้ดีขึ้นค่ะ

เพราะฉะนั้นแล้วในส่วนของนักท่องเที่ยวอย่างเราที่ต้องการไปตะลุยกินของอร่อยล่ะก็ ตลาดปลาสึคิจิยังสามารถเป็นเป้าหมายของทุกคนได้อยู่ค่ะ

ซึ่งตลาดปลาสึคิจิก็ไม่ได้โด่งดังเฉพาะในหมู่คนไทยเท่านั้น แต่โด่งดังไปทั่วโลก หรือแม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ตาม

เพราะที่นี่อัดแน่นไปด้วยอาหารมากมาย ที่ทั้งสดและอร่อย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวากิว, ซาซิมิ, ซูชิ, ปลาไหล, ไข่หวาน, ขนมต่าง ๆ, อาหารทะเลมากมาย และอีกนับไม่ถ้วน ละลานตาไปทุกหนแห่งทุกซอกซอยของพื้นที่ เรียกได้ว่าน่ากินไปหมดจนไม่รู้จะเข้าร้านไหนดีเลยค่ะ

นอกจากร้านอาหารแล้วก็ยังมีร้านค้าที่จำหน่ายวัตถุดิบสำหรับทำอาหารอยู่ด้วย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา ร้านพวกนั้นอาจจะไม่ใช่เป้าหมายสักเท่าไหร่ค่ะ

ถ้าใครพร้อมที่จะไปหาของกินแล้ว ก็ตามมากันเลย~

การเดินทางมายังตลาดปลาสึคิจิก็ง่ายดายค่ะ สามารถนั่งรถไฟมาลงได้ถึง 3 สถานีด้วยกันคือ
– สถานี Tsukiji Sta. (สาย Tokyo Metro Hibiya Line)
– สถานี Tsukijishijo Sta. (สาย Toei Oedo Line)
– สถานี Higashi-ginza Sta. (สาย Toei Asakusa Line และ Tokyo Metro Hibiya Line)
เดินต่อเพียงแค่ 1-3 นาทีเท่านั้นก็ถึงแล้ว สะดวกม๊ากกก

พอเราเดินทางมาถึงพื้นที่ของตลาดปลาสึคิจิแล้ว ก็จะพบกับผู้คนมากมายถึงขนาดเดินกันลำบากเลยทีเดียวค่ะ แทบทุกร้านจะมีลูกค้าต่อคิวกันอยู่หน้าร้าน และอาจจะเป็นในช่วงพักกลางวันพอดี ถนนจึงแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่ออกมากินของอร่อยกัน

ขอบอกก่อนว่าการมายังตลาดปลาสึคิจิในครั้งนี้ จะใช้โชคชะตานำทางล้วน ๆ โดยไม่ได้มีการอ่านรีวิวร้านแนะนำอะไรมาก่อน
ใครพร้อมแล้วก็มาลุ้นไปด้วยกันค่ะ ^0^

ระหว่างที่กำลังเดินเลือกร้านอาหารไปเรื่อย ๆ หูก็ได้ยินเสียงพูดคุยทั้งภาษาต่างชาติและภาษาญี่ปุ่นค่ะ
ทำให้ความคิดของตัวเองที่ว่าตลาดปลาสึคิจิจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติ แท้จริงแล้วก็มีคนญี่ปุ่นมากมายที่เดินทางมากินของอร่อยที่นี่เหมือนกันค่ะ

นอกจากคนที่เยอะแล้ว ร้านอาหารก็เยอะไม่แพ้กัน มีหลากหลายเมนูของโปรดนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ เต็มไปหมด
แต่โดยส่วนตัวแล้ว มาถึงญี่ปุ่นทั้งที…จะไม่กินเมนูนี้ไม่ได้ค่ะ

เมนูนั้นของทุกคนคืออะไรคะ ?

สำหรับฉันคือ
.
.
.
“เนื้อวากิว” ค่ะ

ท่ามกลางตัวเลือกมากมาย เมื่อได้เป้าหมายแล้วก็ขอพุ่งไปยังร้านเนื้อก่อนเลยแล้วกัน~

📍จุดสต็อปที่ 1
ร้าน Teppan-Yaki Tsukiji Ihachi
https://www.instagram.com/tsukiji_ihachi_official/


และนี่คือคำเคลมของร้านค่ะ
Have you ever tried A5 wagyu beef that’s NEVER BEEN FROZEN?

แหมะ!
พูดขนาดนี้จะไม่ให้ลองได้ยังไงล่ะคะ
คิวเยอะแค่ไหนก็ไม่มีท้อ
ไปต่อแถวกันค่ะ


เมนูอันโดดเด่นของร้านนี้ก็คือ เนื้อวากิว A5 นั่นเอง
คำว่า A5 หรือ A ต่าง ๆ ที่เราชอบได้ยินกันเวลาไปกินเนื้อ ก็คือเกรดคุณภาพของเนื้อวัวที่คนญี่ปุ่นใช้กัน ซึ่งเกรดสูงสุดของความอร่อยคือ A5 และ 4 3 2 1 ไล่เรียงลงไปค่ะ


ที่นี่มีจำหน่ายทั้งแบบสเต็ก แบบเสียบไม้ แบบซูชิ หรือแบบซุปก็มี และไม่ได้มีแค่เนื้อเท่านั้น ยังมีปูและซาซิมิอีกด้วย *O*
ถึงแม้จะอยากกินมากแค่ไหน แต่เราต้องเก็บท้องไว้กินอย่างอื่นอีกมากมายในตลาดกันต่อค่ะ

จัดไป 2 ไม้!

ระบบคิวของร้านก็น่ารักมาก เมื่อเราจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วก็จะได้พัดมาหนึ่งอันที่ระบุหมายเลข และนี่คือคิวของเราค่ะ


จากนั้นก็รอเรียกได้เลย!

ลูกค้าเยอะมาก ก็ต้องรอนานเป็นธรรมดา
ระหว่างนั้นก็มองเตาไปเพลิน ๆ ดูเชฟย่างเนื้อเรียกน้ำย่อยกันไปก่อนค่ะ


แต่ไม่นานเกินรอ สักพักก็ถึง “Number 1” คิวของเราแล้วค่ะ
ใส่จานกระดาษมาพร้อมวาซาบิ ซอส และเกลือ ให้เลือกจิ้มตามใจชอบ


แชะภาพเป็นที่ระลึกสักหน่อย แล้วก็เอาเข้าปากไปเล้ย!


หลังจากชิมไปคำนึง
ก็ไม่มีอะไรอยู่ในหัวนอกจากคำว่า “อร่อย!!!”
ขอรีวิวเพียงแค่คำว่า “สมกับเป็นเนื้อวากิว A5” ค่ะ
ใครอยากสัมผัสความฟินนี้ ต้องมาลอง

แต่กินแค่นี้จะไปอยู่ท้องอะไร

ท่ามกลางความวุ่นวายของร้านเนื้อที่คอยรับออเดอร์และเรียกคิวกันวุ่นวายอยู่นั้น ตาเหลือบไปเห็นร้านข้าง ๆ ที่…

ทำไมมันว่างแบบนี้ล่ะเนี่ย?


ในบรรยากาศที่ร้านทุกร้านเต็มไปด้วยคิวยาวเหยียด อะไรจะดีไปกว่าการได้กินเลยโดยที่ไม่ต้องรอล่ะคะ

📍จุดสต็อปที่ 2
ร้าน Takarabune Tsukiji
https://www.instagram.com/takarabunetsukiji_inarisushi/


ร้านขายอินาริซูชิหรือซูชิเต้าหู้หวาน เป็นซูชิที่ห่อด้วยเต้าหู้ทอดบาง ๆ ปกติแล้วเรามักจะเห็นที่มีแค่ข้าวเท่านั้น แต่ร้านนี้ Topping อัดแน่นไปด้วยอาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็นแซลมอน ไข่ปลา อูนิ ปู แบบล้น ๆ ดูน่ารับประทานมากกกก

จัดมา 1 ชิ้น!

ชิ้นแรกประเดิมด้วย อูนิ + ไข่ปลาแซลมอน


หิวจนลืมถ่ายรูป
อูนิหายไปแล้ว… ^^;


กินไปกินมา ชิ้นเดียวเหมือนจะไม่พอ

ของโปรดอีกอย่างที่ไม่อยากพลาด นั่นก็คือ “แซลมอน” ค่ะ

จัดมาอีกชิ้น!

ชิ้นที่สอง แซลมอน


โปะหน้าแบบล้น ๆ ไปเลยยยย~

กินเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เหมือนท้องจะร้องว่า ‘ยังไม่พอ’ เรียกร้องให้เท้าออกเดินหาของกินอร่อย ๆ มาเติมเต็มอีก

กินร้านนี้เสร็จแล้วก็อย่าลืมทิ้งขยะให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางกันต่อ

อาหารญี่ปุ่นอีกอย่างที่ฉันชื่นชอบมาก ๆ ก็คือ “ปลาไหล” ค่ะ (เอาจริง ๆ แล้วก็เหมือนชอบทุกอย่าง 555)

เป้าหมายต่อไปของเราก็เลยจะเป็น ร้านขายปลาไหลย่าง

ระหว่างออกตามหาไปตามซอกซอยก็สะดุดตากับสิ่งนี้ค่ะ

📍จุดสต็อปที่ 3
ร้าน Tsukiji Shouro
https://www.instagram.com/tsukidi_shouro


น้ำสีเหลืองนวลบรรจุขวด มีฉลากเป็นรูปเพนกวิน (เกี่ยวอะไรกับเพนกวินอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน)
แต่รวม ๆ แล้วสะดุดตาจนต้องแวะค่ะ

ระหว่างที่สงสัยว่าน้ำสีน่ารักนี้คืออะไร ป้ายก็ได้ให้คำตอบไว้ว่า

Milkshake
A drink made by mixing milk with eggyolk, sugar, and white chocolate.

แค่อ่านส่วนผสมก็รู้แล้วค่ะว่า ‘อร่อย’

กินของคาวมาแล้วก็ตัดเลี่ยนด้วยของหวานกันหน่อย (ก่อนไปต่อของคาวอีกรอบ)

จัดมา 1 ขวด!


รสชาติก็เป็นไปตามคาดค่ะ มีความละมุน นุ่มนวลเหมือนกับภาพลักษณ์
ช่วยดับกระหายและเติมความหวานในตัวให้กะปรี้กะเปร่าขึ้นมาได้อย่างดีเลย

หลังจากเดินไปมั่ว ๆ โชคชะตาก็เหมือนเข้าข้าง
เราได้พบกับร้านปลาไหลย่างแล้วค่ะ!

📍จุดสต็อปที่ 4
ร้าน Unagi Shokudo
https://www.instagram.com/tsukijiunagi/


ปลาไหลนอนเรียงกันเต็มถาด ราวกับมีเสียงออกมาว่า ‘หยิบฉันไปกินสิ’ ดังออกมา


อย่ารอช้าค่ะ 1 ไม้ 400 เยน 3 ไม้ 1,000 เยน
จัดมา 3 ไม้ไปเลย!


อยากกินปลาไหล แต่ได้หอยเชลส์มา 2 ไม้ ?
ในสถานการณ์ที่มีอาหารมากมายอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ เราอย่าพยายามหาเหตุผลเลยค่ะ จริง ๆ อยากกินทุกอย่างเลยด้วยซ้ำ (555)
คุณภาพก็เป็นไปตามคาดค่ะ ปลาไหลอร่อย หอยเชลส์เนื้อแน่นเต็มคำ ซอสชุ่มฉ่ำหวานเค็มกำลังดี 10 10 10 คะแนนไปเลย!


ระหว่างยืนกินอยู่หน้าร้าน ก็มีคนเดินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา บรรยากาศครึกครื้นมากเลยทีเดียวค่ะ
ถือเป็นประสบการณ์การกินแบบใหม่ที่สนุกดีค่ะ

เมื่อกินเสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อได้เลย

กินคาวเสร็จแล้วก็ขอล้างปากด้วยผลไม้กันสักหน่อยดีกว่าค่ะ

หางตาเหลือบไปเห็นสตรอว์เบอร์รีลูกโต เป็นร้านเล็ก ๆ ที่มีคุณป้าหน้าตาใจดีขายอยู่ มีทั้งสีแดงสดและสีขาว


ก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า สีขาวมันอร่อยมั้ยนะ ไม่เคยกินเลย
ได้โอกาสแล้วก็เข้าไปชิมสักหน่อยค่ะ

จัดมา 1 แก้ว!


หลังจากได้ลองชิมรสชาติสตรอว์เบอร์รีสีขาวแล้ว ก็บอกตรง ๆ ว่าไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าต่างกันอย่างไร ^^;
แต่ไม่ว่าจะเป็นสีขาวหรือสีแดงก็อร่อยชุ่มฉ่ำเหมือนกัน ♡


หลังจากล้างปากด้วยสตรอว์เบอร์รีเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อ


ภายในตลาดปลาสึคิจิมีอาหารที่หลากหลายมาก ๆ โดยเฉพาะอาหารทะเล ใครที่ชอบกินต้องห้ามพลาดมาก ๆ ค่ะ เพราะของที่นี่สดใหม่และคุณภาพดีสุด ๆ สมแล้วที่มีผู้คนมาเยือนกันมากมายขนาดนี้

และนอกจากอาหารทะเลที่แนะนำ ที่นี่มีเมนูยอดนิยมอีกอย่างก็คือ “ไข่ม้วน” ค่ะ
หรือบางคนอาจจะเรียกว่าเมนูนี้ว่า “ไข่หวานเสียบไม้”

แอบแปลกใจในเมนูนี้เหมือนกันค่ะว่าทำไมถึงเป็นที่นิยม อาจจะเป็นเพราะหน้าตาและรสชาติที่เป็นมิตรกับทุกคน
และได้ยินมาว่าร้านที่ขายไข่หวานก็เปิดมานานมาก ๆ เกือบ 100 ปีแล้วด้วยค่ะ เก่าแก่ขนาดนี้น่าจะรับประกันความอร่อยได้เลย

ถือเป็นอีกเมนูที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาตลาดปลาสึคิจิ

แต่ฉันพลาดซะแล้วค่ะ T_T

เนื่องจากคิวร้านไข่หวานเสียบไม้แต่ละร้าน คิวยาววววมาก ๆ โดยเฉพาะร้านดังอย่าง Yamacho ก็เลยกลายเป็นว่าไม่ได้ลิ้มลองไข่หวานในตำนานเลย

สงสัยต้องไปซ้ำอีกรอบซะแล้ว

ไม่เป็นไรค่ะ เวลาไปเที่ยวแล้วพลาดอะไรสักอยาก ฉันมักจะคิดอยู่เสมอว่า เหลืออะไรที่ยังไม่ได้ทำบ้าง เผื่อจะได้มีเหตุผลในการมาเที่ยวอีกครั้งค่ะ ^^

สำหรับใครที่อยากมาลองตะลุยกินร้านอร่อยในตลาดปลาสึคิจิ ต้องบอกก่อนว่าคนญี่ปุ่น “ไม่เดินกิน” นะคะ

หากแวะร้านไหนแล้ว แนะนำว่ารับประทานให้เสร็จตั้งแต่หน้าร้านและฝากเขาทิ้งได้เลยค่ะ จะได้ไม่เลอะเทอะและเป็นระเบียบด้วย เพราะคนเยอะมาก ๆ เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุ (และเดี๋ยวจะโดนดุด้วยค่ะ ^_^;) เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เคารพสถานที่ที่เราไปเที่ยวกันนะคะ


ร้านที่พาไปกินในวันนี้เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยยยยยมากๆ ของตลาดปลาสึคิจิ
ดังนั้นใครที่สนใจจะไปฝากท้องไว้ที่นี่ ขอบอกว่าเคลียร์ท้องไว้รอรับของอร่อยได้เลยค่ะ
จะจัดหนักจัดเต็มกับข้าวหน้าทะเลต่าง ๆ แบบชุดใหญ่ หรือจะแวะกินหลาย ๆ ร้านเพื่อความหลากหลายก็แล้วแต่ชอบได้เลย

ถือเป็นประสบการณ์ในการกินที่สนุกมากอย่างกับการทำมิชชั่นอะไรสักอย่างเลยค่ะ
ใครยังไม่เคยมา ต้องมาค่ะ!