BLOG

บทความ

บินตรงลงคางาวะ ฉบับกินลมชมวิว

บินตรงลงคางาวะ ฉบับกินลมชมวิว

ตอนที่แล้วได้เล่าถึงการเดินทางมายังจังหวัดคางาวะแบบพิเศษ โดยบินตรงลงคางาวะ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง

นอกจากจะมีทัวร์ที่พาเหล่านักท่องเที่ยวชาวไทยไปเปิดประสบการณ์สัมผัสเสน่ห์ของจังหวัดคางาวะในครั้งแรก แล้ว ในครั้งนี้ได้มีนักเขียนและนักรีวิวผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นเพจ “เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม” ร่วมเดินทางมากับเราตั้งแต่กรุงเทพฯ และเพจ “ไม่ใช่กรูรู แต่กรูรู้ ของถูกในโตเกียว” มาพบกันที่สนามบินทากามาทสึอีกด้วย


การเดินทางในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของทั้ง 2 ท่านที่ได้มาจัดหนักจัดเต็มที่จังหวัดคางาวะ กำหนดการจึงเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ อาหารขึ้นชื่อของคางาวะทั้งซานุกิด้ง ไก่ติดกระดูก และซอฟต์ครีมนานาแบบจัดเต็ม

ที่แรกที่จะต้องไปเยือนเมื่อมาจังหวัดคางาวะเลยก็คือ “สวนริทสึริน” แลนมาร์คในเมืองทากามาทสึ ในอดีตที่นี่เป็นบ้านพักตากอากาศของเจ้าเมือง และสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมือง จนในปี ค.ศ. 1875 ได้เปิดเป็นสวนสาธารณะ ให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปได้ แม้เป็นวันธรรมดาที่นี่ก็เนื่องแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไต้หวัน จีน และเกาหลี แต่ที่แปลกไปว่าทุกครั้งที่มาก็คือ เราได้พบกับคณะของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาด้วยกัน



ช่วงที่มาแม้ดอกซากุระยังไม่แย้มออกมาให้ชม ก็ยังพอมีดอกบ๊วยที่บานรอต้อนรับพวกเราบ้าง



ไม่เพียงชมความงามของสวนที่สุดแสนตระกาลตา ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นของคางาวะอย่าง “กิจกรรมทำขนมวะซังบง” วะซังบงเป็นน้ำตาลอ้อยเนื้อเป็นผงเนียนละเอียดสีขาวมีรสหวานฉ่ำ หากคิดว่าจะเหมือนน้ำตาลไอซิ่ง ขอบอกเลยว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งรสชาติและรสสัมผัส


สำหรับมื้อแรกที่จังหวัดคางาวะบ้านเกิดของ “อุด้ง” ก็ต้องเปิดกระเพาะอาหารด้วยอุด้ง อุด้งของจังหวัดคางาวะเรียกกันว่า “ซานุกิอุด้ง” ซานุกิเป็นชื่อเดิมของจังหวัดคางาวะ เหมือนเป็นลายเซ็นให้ได้รู้ว่านี่คือ อุด้งจากจังหวัดคางาวะนะ
ความพิเศษของเส้นซานุกิอุด้งก็คือ รสสัมผัสที่เหนียว กระเด้ง สู้ฟันเล็กน้อย ไม่เหมือนเส้นอุด้งทั่วไปที่จะเหนียวนุ่มขาดง่าย ในหมู่คนญี่ปุ่นต่างก็รู้กันดีว่า ถ้าพูดถึงอุด้งก็ต้องเป็นจังหวัดคางาวะ จนได้สมญานามว่าเป็น อุด้งเค็ง (Udon-ken) ((ไม่ใช่อุดรนะจ๊ะ > < )) Goyashiki ร้านที่มาฝากท้องในมื้อนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 Maritime Plaza Takamatsu ใกล้ท่าเรือทากามาทสึ เพราะช่วงบ่ายจะเดินทางข้ามทะเลในเซโตะไปยังเกาะโชโดะชิมะ




จากท่าเรือทากามาทสึนั่งเรือเฟอร์รี ประมาณ 60 นาที แต่ถ้าเป็นเรือสปีดโบ๊ตก็ใช้เวลาราวๆ 35 นาที

“เกาะโชโดะชิมะ” ได้ชื่อว่าเป็น Olive Island หรือเกาะมะกอกของประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่ามะกอกเลยก็ว่าได้ เพื่อแสดงความเคารพต่อเกาะนี้ เราจึงมุ่งหน้าไปยังสวนมะกอกเป็นที่แรก!!!

บนเกาะโชโดะชิมะมีสวนมะกอกอยู่มากมาย ไฮไลต์ห้ามพลาดของเกาะนี้ก็คือ “สวนมะกอกโชโดะชิมะ” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดพักรถที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่น และต่างชาติ

ว่าแต่อะไรทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมถึงขนาดนี้กันนะ?
เพราะที่นี่คือ สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ Kiki’s Delivery Service ฉบับคนแสดงนั่นเอง!!
ภาพกังหันลมสีขาว คนขี่ไม้กวาด และฉากหลังเป็นทะเล อาจเป็นภาพที่หลายคนคุ้นตา
และแน่นอนว่าเราเองก็แปลงร่างเป็นแม่มดน้อยกิกิได้เช่นกัน ว่าแล้วก็คว้าไม้กวาดแล้วออกเดินทางกันเลย~


จากที่แดดจ้า ท้องฟ้าแจ่มใส ก็ค่อยๆ ครึ้มขึ้น ตามพยากรณ์อากาศเห็นว่าวันนี้จะมีฝนตก แต่อาจเป็นเพราะเราได้เจอกับ ‘ฮาเระอนนะ’ อย่างพี่ชิเลยทำให้อากาศแจ่มใส พอพี่ชิกลับเมฆฝนเลยค่อยเผยตัวออกมาหรือเปล่านะ

ยังไม่พอนอกจากฝนแล้ว ในครั้งนี้เรายังได้เจอกับสภาพอากาศที่ไม่คาดคิดมาก่อนนั่นก็คือ “หิมะ”
หิมะตกในคางาวะ คุณพระคุณเจ้า!


“หุบเขาคังคะเค” จุดชมวิวบนภูเขาที่สวยงาม 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น ที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 612 เมตร ทำให้หยาดฝนกลายเป็นหิมะ แม้วันนี้เราจะไม่ได้เห็นวิวทะเลในเซโตะ ท้องฟ้าเปิดกว้าง ท้องทะเลสีครามก็ตาม หิมะสีขาวโปรยปรายและปกคลุมทั่วทั้งหุบเขาเหมือนน้ำตาลไอซิ่งที่โรยอยู่บนขนมปัง ทิวทัศน์ที่กลายเป็นสีขาวดำราวกับภาพวาดพู่กันจีน




นอกจากน้ำมันมะกอกคุณภาพเยี่ยมแล้วของฝากอีกอย่างของเกาะโชโดะชิมะที่ควรค่าแก่การแบกกลับมาก็คือ “โชยุ” ซอสปรุงรสคู่ครัวชาวญี่ปุ่นมานานแสนนาน ความพิเศษของโชยุบนเกาะโชโดะชิมะก็คือ การหมักที่ยังคงใช้วิธีแบบดั้งเดิม ในถังไม้โอเคะที่ทำจากไม้สน ครั้งนี้เจ้าของ “โรงโชยุคินเรียว” ก็ได้แง่มเปิดโรงหมักให้ได้ชมและดมกลิ่นโชยุที่ต่อยจมูก




ก่อนที่เกาะนี้จะเป็นสถานที่ถ่ายทำ Kiki’s Delivery Service ที่นี่เป็นโรงถ่ายทำภาพยนตร์ “Twenty-four eyes” หรือ 24 ดวงตา ตำนานในวงการภาพยนตร์และซีรีส์ญี่ปุ่นมีการรีเมคหลายต่อหลายครั้ง

มาสัมผัสกลิ่นอายสมัยโชวะ ห้องเรียนเก่าริมทะเล ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยใน “หมู่บ้านภาพยนตร์โชโดะชิมะ”




ถ้าเมืองทากามาทสึต้องไปสวนริทสึริน
เมื่อมาเมืองโคโตฮิระต้องขึ้นไป “ศาลเจ้าโคโตฮิรากู”

“ศาลเจ้าโคโตฮิรากู” ศาลเจ้าที่สถิตของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ศาลเจ้าคู่บ้านคู่เมืองโคโตฮิระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวญี่ปุ่นอยากมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต จากข้างล่างหน้าศาลเจ้าปกติต้องเดินเท้าขึ้นมา 785 ขั้น ทว่าวันนี้มีการใช้ทางลัด จากหน้าศาลเจ้านั่งรถแท็กซี่ Kotosan Taxi ไปยังที่จอดรถของคาเฟ่ Kamitsubaki ที่อยู่ขั้นที่ 500 เหลือให้เดินต่ออีก 285 ขั้น เรียกได้ว่าย่นระยะเวลาและย่นแรงไปได้มากโข แม้จะเหลือแค่ 285 ขั้นแต่ก็เหนื่อยไม่น้อย งานนี้ใครไหวไปก่อนเลย



เมื่อมาจังหวัดอุด้ง กินอย่างเดียวอาจไม่พอ ที่หน้าทางขึ้นศาลเจ้าโคโตฮิรากูมี “โรงเรียนสอนทำอุด้งนากาโนะ” ให้ได้ออกเสต็ปเท้าไฟ ใช้มือนวด กลึง ตัด ต้ม และกินอุด้งที่ลงมือทำด้วยตัวเอง




นอกจากสวนริทสึรินและศาลเจ้าโคโตฮิรากูแล้ว จังหวัดคางาวะยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างปราสาทมารุกาเมะ และวัดเซนทสึจิที่เรียกได้ว่ายังคงรักษาสภาพ บูรณะโบราณสถานและศาสนสถานได้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสประวัติศาสตร์นอกตำรา

“ปราสาทมารุกาเมะ” ที่คงสภาพเดิมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ปราสาทแห่งนี้มีความพิเศษและที่สุดถึง 3 อย่างนั่นก็คือ ฐานกำแพงหินที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น, หอคอยที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น และมีบ่อน้ำที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่น




ฐานกำแพงสูงแค่ไหน สามารถดูจากรูปได้เลย จากข้างล่างไปยังด้านบนเดินขึ้นเนินไปเล่นเอาหอบพอสมควร


ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็เป็นจุดชมซากุระยอดนิยมเช่นกัน แค่เห็นต้นซากุระที่ขนาบสองฝั่งก็ดูอลังไม่น้อยเลย




“วัดเซนทสึจิ” วัดลำดับที่ 75 ในเส้นทางแสวงบุญ 88 วัดบนเกาะชิโกกุ ที่นี่เป็นวัดบ้านเกิดของพระคุไค พระเกจิอันโด่งดังในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น นับว่าเป็นศาสนสถานที่อวบอวลไปด้วยประวัติศาสตร์อยากแท้จริง และในฤดูนี้ยังอบอวลไปด้วยบรรยากาศสีชมพูของดอกเนะฮันซากุระที่บานเร็วว่าพันธุ์อื่นๆ



นอกจากสถานที่ไฮไลต์แล้วในทริปนี้ยังมีสถานที่ใหม่ๆ ที่กำลังได้รับความนิยมมากกกกกกก ก.ล้านตัว ใดๆ ล้วนเป็นสถานที่ที่ไม่ว่าจะมุมไหนถ่ายรูปออกมาก็สวยยยยยแน่นอน นั่นก็คือ “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชิโกกุ” และ “หาดจิจิบุกะฮามะ”





ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ นอกจากสถานที่ที่ต้องห้ามพลาด และสถานที่ที่กำลังได้รับความนิยมสูงของจังหวัดคางาวะแล้ว สถานที่ลับที่ควรค่าแก่การเปิดเผยก็มีเหมือนกัน
เกาะเมงิจิมะ x เกาะโองิจิมะ” เกาะที่จับเป็นคู่เที่ยวได้ใน 1 วัน


เกาะเมงิจิมะ หรือเกาะยักษ์ที่น่ารักสุดๆ ถ้ำยักษ์ที่มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลย ครั้งที่แล้วเจอค้างคาว ครั้งนี้เจองานศิลปะที่กำลังจัดเตรียมสำหรับจัดแสดงในเทศกาลศิลปะนานาชาติเซโตะอุจิ ((ช่างเป็นเกียรติที่ได้รับชมก่อนใคร)) วันนี้คลื่นลมที่เกาะแรงใช้ได้ ลมเย็นๆ พัดมาให้รู้สึกสะท้านเล็กน้อย ท้องฟ้าแจ่มใสจนมองเห็นท่าเรือทากามาทสึและ Anabuku Arena อยู่ลิบๆ



หลังจากเที่ยวชมบนจุดชมวิวและถ้ำยักษ์เป็นที่เรียบร้อยก็ลงมาเดินเล่นชมงานศิลปะเลียบริมทะเลในเซโตะ วันนี้ฝูงนกนางนวลทำงานหนักพอสมควร พัดซ้ายทีขวาที เสียงแท่นเสียบนกนางนวลขับขานราวกับเสียงร้องของฝูงนกนางนวลริมทะเลเลย น่าเสียดายที่ผ้าใบที่ติดอยู่บนกระโดงเรือบนแกรนด์เปียโนโดนปลดออกเพราะแรงลมในฤดูหนาว



ไปกันต่อที่เกาะโองิจิมะ เดิมทีตั้งใจจะมาชมงานศิลปะ ทว่าเหล่าเจ้าเหมียวที่เกาะโองิจิมะก็น่ารักจนเกินห้ามใจ เหล่าทาสแมวทั้งหลายเลยศิโรราบให้กับความขี้อ้อนนี้ ด้วยคติ คนหิว แมวต้องอิ่ม





นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซานุกิอุด้ง และไก่ติดกระดูกแล้ว ในครั้งนี้ได้ลองลิ้มชิมรสซอฟต์ครีมนานาชนิด น่าเสียดายที่ครั้งนี้ไม่ได้ลองซอฟต์ครีมอุด้ง T^T






หวังว่าโอกาสหน้าจะทั้งสองท่านจะได้มาลิ้มรสซอฟต์ครีมอุด้ง และเปิดเผยที่เที่ยวลับๆ ใหม่ๆ ใน Kagawa อีกครั้ง

รักคางาวะน้อยๆ แต่รักนานๆ นะ
“Kagawa” จังหวัดเล็กๆ ที่จะทำให้หัวใจคุณพองโต