BLOG
บทความ
ฤดูกาลของใบไม้เปลี่ยนสีกำลังจะผ่านไปแล้ว
น่าเสียดายที่ปีนี้เราไม่ได้ไปเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นกันนะคะ ทั้งๆ ที่เป็นช่วงเวลายอดนิยมรองจากซากุระที่คนไทยชอบไปเที่ยวกันมากแท้ๆ เลย ตอนนี้คงต้องนั่งย้อนดูรูปเก่าๆ คลายคิดถึงกันไปก่อน ซึ่งพอนั่งย้อนดูรูปไปเรื่อยๆ ก็เจอกับสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เคยไปเยือนเมื่อคราวก่อน คิดว่าอยากเอามาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก เผื่อว่ามีโอกาสหน้าจะได้ไปเที่ยวกัน หากใครยังไม่รู้จักหรือไม่เคยไปก็อาจจะเป็นจุดหมายใหม่ๆ ให้ไปเยือนกันค่ะ ^^
หากพูดถึงใบไม้เปลี่ยนสี หลายคนคงนึกถึงใบเมเปิ้ลหรือโมมิจิ ที่จะมีสีแดงส้มใช่ไหมคะ
แต่ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็ยังมีอีกต้นหนึ่งที่สวยงามในฤดูกาลนี้เช่นกันค่ะ นั่นก็คือต้นแปะก๊วยหรือกิงโกงนั่นเอง
ถ้าเป็นจุดชมต้นแปะก๊วยล่ะก็ มักจะเป็นถนนเส้นทางที่มีแปะก๊วยเรียงรายราวกับอุโมงค์สีเหลือง หรือไม่ก็เป็นต้นแปะก๊วยต้นใหญ่อายุหลายร้อยปีที่แผ่กิ่งก้านอลังการ อย่างเช่นที่ “วัดเอโฮจิ (Eiho-ji Temple / 虎渓山永保寺)” แห่งนี้ค่ะ ^0^
ในจังหวัดกิฟุก็จะมีหลายที่ที่สามารถชมต้นแปะก๊วยใหญ่ๆ ได้ ซึ่งวัดเอโฮจิ ในเมืองทาจิมิแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
ระหว่างทางเข้าวัดก็จะเจอกับใบไม้เปลี่ยนสีเช่นกัน สีสันสวยงามสะดุดตามากเลย~
แค่เข้ามาในตัววัดก็จะพบเจอกับวิวอันสวยงามแล้วค่ะ บ่อน้ำกว้างพร้อมสะพานโค้งกลางน้ำ สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์ รายล้อมไปด้วยต้นเมเปิ้ลที่กำลังเป็นสีแดงส้มและใบเมเปิ้ลที่ร่วงเต็มพื้นเหมือนกับพรมสีแดงสวยงาม ยิ่งเสริมให้ทัศนียภาพตรงหน้าดูงดงามมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าทัศนียภาพงดงามขนาดนี้ ที่นี่ได้รับขึ้นทะเบียนให้เป็นสวนญี่ปุ่นที่สวยงามของประเทศด้วยค่ะ การันตีขนาดนี้แล้วต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งค่ะ แล้วจะรู้ว่าสมกับที่ได้รับตำแหน่งเลย อีกทั้งว่ากันว่าที่นี่มีวิวทิวทัศน์ที่คล้ายกับเขาหลูซาน มรดกโลกของประเทศจีนด้วยนะคะ
และบริเวณใกล้กันก็จะพบกับต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่ ที่โดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา เป็นต้นแปะก๊วยที่อายุยืนยาวถึง 700 ปีเลยทีเดียว เมื่อฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสีมาถึง ใบไม้กิ่งก้านที่แผ่เป็นวงกว้างก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง เป็นเสน่ห์ดึงดูดที่ทำให้นักท่องเที่ยวหรือชาวเมืองมาชมความงดงามกันมากมาย ถึงขนาดได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 33 จุดชมวิวยอดนิยมของพื้นที่ฮิดะและมิโนะเลยค่ะ
น่าเสียดายที่มาไม่ทันตอนช่วงพีคของฤดูกาลนะคะ มาถึงใบไม้ก็ร่วงหล่นจนหมดแล้ว แต่แค่เห็นกิ่งก้านก็จินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ได้แล้วค่ะ คราวหน้าต้องตามมาเก็บภาพให้ทันให้ได้เลย! (แนะนำให้มาช่วงประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนค่ะ)
นอกจากวัดเอโฮจิจะเป็นสถานที่ที่มาดื่มด่ำกับธรรมชาติได้แล้ว ที่นี่ยังเปี่ยมไปด้วยศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่ยังคงรักษาไว้มาแต่โบราณ อย่างสถาปัตยกรรมของอาคารภายในวัดก็ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกของชาติถึง 2 หลังด้วยกัน
วัดเอโฮจิก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1313 โดยชาวพุทธนิกายรินไซเซน และในปี 2003 อาคารหลักของวัดได้ถูกไฟเผาไหม้ จึงเกิดการระดมทุนจากชาวเมืองทาจิมิเพื่อซ่อมแซมอาคารใหม่ขึ้นมาซึ่งแล้วเสร็จในปี 2007 ค่ะ ถือว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญต่อท้องถิ่นและประเทศทั้งในด้านวัฒนธรรมและธรรมชาติเลยนะคะ
การที่ได้มาดื่มด่ำกับธรรมชาติสวยๆ และวัฒนธรรมเก่าแก่ไปพร้อมๆ กันแบบนี้ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบของวัด ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง ได้รับความรู้สึกที่แตกต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ มากเลยค่ะ
หวังว่าวัดแห่งนี้จะกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ของทุกคนในการเดินทางท่องเที่ยวครั้งหน้านะคะ ^^