BLOG
บทความ
สำหรับคนที่อยู่ในเขตร้อนอย่างพวกเรา หลายคนคงเคยฝันที่จะสัมผัสหิมะจริงๆ สักครั้งหนึ่งในชีวิตใช่ไหมคะ อาจจะคล้ายกับคนที่อาศัยอยู่ขั้วโลกที่โหยหาแสงอาทิตย์อยากมาเที่ยวเขตร้อน
ณ เวลานั้น “หิมะ” ในความทรงจำมีเพียงตอนไปเที่ยวดรีมเวิร์ลในวัยเด็ก ให้ความรู้สึกเหมือนตอนแอบแม่เปิดตู้เย็นแล้วเอามือไปลูบน้ำแข็งที่ชั้นฟรีซ สมัยนั้นยังไม่มีระบบละลายน้ำแข็งในตัว ก้อนน้ำแข็งนี้หนาเป็นหินงอกหินย้อยเลยล่ะค่ะ
แล้วหิมะจริงๆ หน้าตาเป็นอย่างไร… ชีวิตนี้จะได้สัมผัสกับหิมะจริงๆ บ้างไหมนะ
และแล้วโอกาสที่จะได้สัมผัสหิมะก็มาถึง ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 ได้มีโอกาสติดตามไปเป็นผู้ช่วยพี่ชิ ในการเดินทางไปเก็บภาพสวยๆ ของจังหวัดฟุกุชิมะใน 4 ฤดูกาลของคุณวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์เพื่อนำมาจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายค่ะ
การเดินทางเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่หนาวมากของฟุกุชิมะเลยก็ว่าได้ค่ะ และพื้นที่ที่เราจะไปเก็บภาพนั้นเรียกว่า “โอคุไอสึ” หรือไอสึที่อยู่ลึกเข้าไป ดินแดนที่ได้ชื่อว่าอาณาจักรของหิมะ เพราะที่นี่เป็นพื้นที่ที่มีหิมะตกหนักในญี่ปุ่น ขนาดที่ว่าความหนาของหิมะที่ตกทุกปีสูงถึง 2 – 3 เมตร!!!!!
ก่อนออกเดินทางความกังวลได้แวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ฤดูหนาวของญี่ปุ่นจะหนาวขนาดไหนนะ… เสื้อผ้าแค่นี้พอหรือเปล่านะ… ต้องเตรียมอะไรไปเพิ่มไหมนะ… คิดไปต่างๆ นานาจนออกเดินทาง
พวกเราเดินทางจากโตเกียวโดยรถยนต์ แวะอิบารากิ และเข้าไปที่พื้นที่นากะโดริของฟุกุชิมะ ทุกพื้นที่ที่เราผ่านมานั้นยังไม่ได้พบกับหิมะเลยค่ะ หิมะจะตกไหมนะ? จะได้เจอหิมะไหมหนอ?
จนในที่สุดรถค่อยๆ ขับเข้ามาในพื้นที่โอคุไอสึ เมื่อรถจอดที่โรงแรมหิมะสีขาวปุยราวกับพรมสีขาวรอต้อนรับพวกเราอยู่
พวกเรากินข้าวเย็น แล้วเข้านอนพักผ่อนเอาแรงเพื่อจะได้ตื่นเช้ามาเก็บภาพยามเช้ากันค่ะ
อุปสรรคอันใหญ่หลวงของฤดูหนาวคือ การตื่นนอนค่ะ อยากจะซุกตัวเองในผ้าห่มร่างกายไม่ตอบสนองกับนาฬิกาปลุกใดๆ สุดท้ายแล้วก็ได้เอาชนะอุปสรรคนั้นมาได้ค่ะ ได้พบกับพี่ชิและพี่ติ้วตามนัดหมาย
ด้านนอกหิมะโปรยปรายจากฟากฟ้าขาวปุยเหมือนสำสี เหมือนสายไหมที่ปลิวว่อนในอากาศ
ถ้าในฤดูร้อนไอเทมสำคัญคือ คูลฟีเวอร์ ในฤดูหนาวก็ต้องยกให้ถุงมือเลยค่ะ
ได้เรียนรู้ว่า “ถุงมือ” คือสิ่งจำเป็นมากๆ ในฤดูนี้เลยค่ะ เพราะอุปกรณ์ทุกสิ่งอย่างมันจะเย็นมากๆ เมื่อเราจับมันจะเย็นจนเจ็บแปลบๆ เลยค่ะ การรักษาร่างกายให้อบอุ่นไม่ป่วยถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากเลย
พวกเราออกจากที่พักมาเก็บภาพรอบๆ ตั้งแต่เช้ามืด
หิมะตกไปเรื่อยๆ ไม่มีวี่แววว่าจะหยุด จนหิมะที่กองที่พื้นก็ค่อยๆ หนาขึ้นเรื่อยๆ จนต้องเปลี่ยนเป็นรองเท้าบูท
อีกสิ่งหนึ่งก็สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ “ร่ม” หิมะก็เหมือนกับฝนค่ะ สักพักหนึ่งก็ละลายเป็นน้ำ การกางร่มให้กล้องก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะอาจทำให้อุปกรณ์ชื้นได้ทีเดียวเชียวค่ะ
การพบกันครั้งแรกของหิมะ สำหรับฉันนั้นช่างน่าจดจำ เข้าใจแล้วว่าหนาวจนติ่งหูหักคืออะไร
หิมะและความเย็นที่ดรีมเวิร์ลนั้นธรรมดาไปเลยค่ะ…
ณ เวลานี้เข้าใจแล้วว่าแต่ละฤดูกาลก็มีความงามแตกต่างกันไป มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ขอบคุณที่มีความหลากหลายบนโลกใบนี้ค่ะ แสงแดดของประเทศไทยช่างเจิดจ้าเปล่งประกายมีชีวิตชีวาเหลือเกิน…ความมืดทำให้เราฟุ้งซ่านได้จริงค่ะ ^^;
ฟ้าเริ่มสาง ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างไสว เริ่มมองเห็นวิวรอบๆ ชัดเจนขึ้น หิมะขาวโพลนปกคลุมเส้นทาง หลังคาบ้าน หมอกขาวโพลนบดบังจนแทบมองไม่เห็นภูเขาด้านหลัง พอสายๆ หมอกก็พากันลอยขึ้นท้องฟ้า จางไปในที่สุด ทัศนียภาพรอบๆ เริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น
สถานที่ต่างๆ ที่ไปเก็บภาพครั้งนี้ล้วนมีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเอง ภาพที่เห็นมองเผินๆ คล้ายภาพขาวดำดูลึกลับวังเวง พอมีคนอยู่ในภาพกลับเพิ่มสีสันให้กับภาพถ่ายแต่ละใบ ช่างเป็นฤดูที่มีเสน่ห์เสียจริง สวยจนลืมความหนาวเลยค่ะ
ความสดใสของผู้คนพร้อมจะละลายหิมะในฤดูหนาว~
ส่วนตัวสิ่งที่ชอบมากที่สุดในฤดูหนาวคือ “ต้นไม้” ที่มองแล้วเหมือนใครจับพลิกต้นไม้ให้เอารากโผล่ขึ้นมาบนดินเลยค่ะ
ต้นไม้ที่ผลัดใบเหลือเพียงกิ่งก้านสีน้ำตาลเข้มกำลังจำศีลพักผ่อนเอาชนะช่วงเวลาที่ยากลำบากจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บที่มาเยือน… เหมือนชีวิตของคนเราเลยนะคะ เรื่องราวที่เข้ามาในชีวิตเราก็เหมือนการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล มีทั้งเรื่องดีเรื่องร้าย บ้างก็เจอมรสุมระหว่างทาง ต้นไม้ได้ปรับตัวและอดทนรอฤดูกาลที่อบอุ่น หวังว่าทุกคนจะอดทนจนถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมและเบ่งบานเหมือนดอกไม้ที่งดงามเฉิดฉายตามฤดูกาล แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากแต่เชื่อว่าทุกคนเอาชนะได้แน่นอนค่ะ