BLOG

บทความ

เติมความหวานให้ชีวิตพร้อมพิชิต KAGAWA 2

เติมความหวานให้ชีวิตพร้อมพิชิต KAGAWA 2

ช่วงนี้เทรนสุขภาพกำลังมา หลายคนดูแลและใส่ใจสุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ประจวบเหมาะกับวันนี้ที่ตรงวันเบาหวานโลก (World Diabetes Day) ที่ก่อตั้งขึ้นโดยสหพันธ์เบาหวานนานาชาติ (IDF) และองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งได้กำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันเบาหวานโลก เพื่อตระหนักถึงโรคเบาหวาน

แล้วทำไมต้องเป็นวันที่ 14 พฤศจิกายนล่ะ?

ก็เพราะว่าเป็นวันเกิดของ Frederick Banting ผู้ค้นพบอินซูลินหรือยาฉีดลดระดับน้ำตาลในเลือดที่ใช้รักษาผู้ป่วยทั่วโลกในปัจจุบันนั่นเอง

โรคเบาหวานถือเป็นภัยเงียบที่กำลังคุกคามสังคมไทยและทั่วโลก จากสถิติพบว่าในปี 2568 มีผู้ป่วยสูงถึง 6.5 ล้านคน ซึ่งมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปี นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเสี่ยงป่วยเป็นเบาหวานโดยไม่รู้ตัวอีกจำนวนมาก

การกินก็เป็นหนึ่งสาเหตุของโรคนี้ ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดปริมาณน้ำตาลที่ควรบริโภคต่อวันอยู่ที่ไม่เกิน 4 – 8 ช้อนชา ในขณะที่คนไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยวันละ 25 ช้อนชา ซึ่งเกินกว่าปริมาณที่ WHO แนะนำมาก

คงจะดีถ้าได้เพลิดเพลินกับความหวานแบบไม่ทำลายสุขภาพมากนัก…

ความหวานของ Kagawa นอกจาก ความหวานแบบดั้งเดิมอย่าง “น้ำตาลวะซังบง”
จังหวัดคางาวะยังมีอีกหนึ่งความหวานที่แสนจะภาคภูมิใจพร้อมนำเสนอให้ทุกคนได้รู้จักกัน
นั่นก็คือ…..

“น้ำตาลแรร์ ชูการ์” (Rare Sugar) หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “คิโชโต” (希少糖) น้ำตาลแห่งความหวังของมวลมนุษยชาติ

(Photo credit: https://raresugar.org/)

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักน้ำตาลแรร์ ชูการ์กันเถอะ

“น้ำตาลแรร์ ชูการ์” แค่ดูชื่อก็บอกได้เลยว่าเป็นน้ำตาลหายาก เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว มีผลกระทบน้อยมากต่อระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือด จัดว่าเป็นสารให้ความหวานในอุดมคติ สามารถพบได้ในธรรมชาติแต่ในปริมาณน้อยมากกกกก

(Photo credit: https://raresugar.org/)

ในปี ค.ศ. 1991 ดร. เคน อิซุโมริ (Dr. Ken Izumori) ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำคณะเกษตร มหาวิทยาลัยคางาวะ (Kagawa University) ได้ค้นพบจุลินทรีย์ดินที่มีเอนไซม์สำหรับเปลี่ยนฟรักโทส (Fructose) ให้เป็นน้ำตาลแรร์ ชูการ์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าน้ำตาลดี-แอลลูโลส (D-allulose) ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นน้ำตาลหายากที่ให้ความหวานและไร้แคลอรี ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการวิจัยน้ำตาลแรร์ ชูการ์

ในปี ค.ศ. 2001 มหาวิทยาลัยคางาวะได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยน้ำตาลแรร์ ชูการ์ขึ้นและมีการพัฒนาการวิจัยอย่างต่อเนื่อง จนในปี ค.ศ. 2011 ประสบความสำเร็จในการผลิตน้ำเชื่อมแรร์ ชูการ์ และในปี ค.ศ. 2012 ได้เริ่มวางจำหน่ายในท้องตลาดและได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ


เรียกได้ว่า Kagawa ประสบความสำเร็จในการวิจัยและคิดค้นน้ำตาลแรร์ ชูการ์จนสามารถนำมาผลิตและจำหน่ายได้อย่างแพร่หลาย และในปี ค.ศ. 2016 มหาวิทยาลัยคางาวะได้รับการจัดตั้งเป็นสถาบันวิจัยและศึกษาน้ำตาลแรร์ ชูการ์ระหว่างประเทศ (International Institute of Rare Sugar Research and Education) ที่พร้อมเป็นผู้นำการวิจัยและพัฒนาสินค้าผลิตภัณฑ์น้ำตาลแรร์ ชูการ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในระดับอุตสาหกรรมอาหารและยา

น้ำตาลแรร์ ชูการ์ ถือว่าเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (Monosaccharide) มีลักษณะพิเศษคือ ให้ความหวานประมาณ 70 – 80% ของน้ำตาลทั่วไป เมื่อรับประทานแล้วระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มขึ้นเหมือนน้ำตาลปกติทั่วไปและยังทำให้น้ำตาลหลังรับประทานอาหารอาหารลดลง จึงเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะโดยปกติหลังรับประทานอาหารผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าคนทั่วไป หากรับประทานน้ำตาลแรร์ ชูการ์ น้ำตาลหลังอาหารจะขึ้นช้ากว่า และอยู่นานกว่าปกติ ทำให้รู้สึกอิ่มรับประทานอาหารอื่นน้อยลง ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ในการลดน้ำหนัก เพราะยังมีแคลอรีต่ำและให้ความหวานในปริมาณที่พอดี


สำหรับผู้ที่รักสุขภาพและผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ไม่สามารถเลิกรับประทานหวานได้อย่างเด็ดขาด การค้นพบและผลิต “น้ำตาลแรร์ ชูการ์” ถือเป็นการค้นพบอันยิ่งใหญ่ที่มอบความสุขให้กับผู้ที่ชีวิตขาดหวานไม่ได้

หากมีโอกาสได้มายังจังหวัดคางาวะสามารถซื้อผลิตภัณฑ์น้ำตาลแรร์ ชูการ์ได้ที่ร้านขายของฝากในตัวเมือง อาทิ ร้าน Shikoku Shop 88 และร้าน Ritsurin-An ในสวนริทสึริน เป็นต้น




นอกจากนี้ยังมีขนมที่ใช้น้ำตาลแรร์ ชูการ์เป็นส่วนผสมเพิ่มความหวานให้ลิ้มลองอีกด้วย


หวังว่า “น้ำตาลแรร์ ชูการ์” จะกลายเป็นอีกหนึ่งความหวังของผู้ที่กำลังเผชิญกับโรคเบาหวาน

– – – – – – – – – – – – – –
📄รู้หรือไม่?
วันน้ำตาลแรร์ ชูการ์ ตรงกับวันที่ 10 พฤศจิกายนของทุกปี

มีที่มาจากการเล่นคำของวันที่ 10 พ.ย. (11月10日) ในภาษาญี่ปุ่น
• เดือนพฤศจิกายน ตรงกับเดือน 11 เลข 1 ในภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า อิจิ (いち) ดึงเอา い (อิ) มาใช้ 11 เลยกลายเป็น いい (อิอิ อ่านรวบเสียงว่า อี) พ้องเสียงกับ いい (อี) แปลว่า ดี
• วันที่ 10(10日) อ่านว่า โท (คะ) พ้องเสียงกับ 糖 (โท) ซึ่งหมายถึง น้ำตาล

สรุปแล้ววันที่ 10 พฤศจิกายน ในภาษาญี่ปุ่นนั้นพ้องเสียงกับ いい糖 (อีโท) ซึ่งแปลว่า น้ำตาลที่ดี นั่นเอง =]