BLOG
บทความ

เชื่อว่า 99% ของคนที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่น จะต้องได้รับความประทับใจเกี่ยวกับการบริการของคนญี่ปุ่นกลับมาอย่างแน่นอน
ตั้งแต่เท้าแตะพื้นดินญี่ปุ่นในสนามบินก็สามารถรับรู้ได้ถึงความใส่ใจในบริการจากการเรียงกระเป๋าเดินทางบนสายพานโดยหันหูหิ้วออกมาให้ผู้โดยสารสามารถหยิบได้อย่างง่าย ชมคลิปวิดีโอ
นอกจากนี้ยังสามารถสัมผัสการบริการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สุดจะใส่ใจได้ในระหว่างการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ หรือโรงแรม
การที่พนักงานคอยยืนโบกมือส่งเราจนลับสายตา หรือเวลาซื้อของในห้างแล้วข้างนอกฝนตก พนักงานก็จะห่อถุงพลาสติกให้อีกชั้นเพื่อป้องกันสินค้าเสียหาย เมื่อซื้อน้ำที่ขวดเย็นจัดจนเกิดไอน้ำเกาะ พนักงานก็จะเช็ดขวดให้อย่างเรียบร้อยโดยที่เราไม่ต้องกลัวว่าถือแล้วจะเปียก หรือสก็อตเทปปิดปากถุงที่จะมีการพับปมไว้เล็ก ๆ เพื่อที่เราจะสามารถแกะได้ง่าย การนับเงินทอนต่อหน้าลูกค้าเพื่อความโปร่งใส และบริการอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นสิ่งเล็กน้อยแต่เราไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากขอ
ประสบการณ์เหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้นอกจากประเทศญี่ปุ่นจริง ๆ ค่ะ
แนวคิดการบริการของญี่ปุ่นนี้มีชื่อเรียกว่า “โอโมะเทะนาชิ” (おもてなし)
โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า “โมะเทะนาสุ” (もてなす) หมายถึงการบริการและการต้อนรับ
ซึ่งเมื่อทำเป็นคำสุภาพแล้วจะได้เป็นคำว่า “โอโมะเทะนาชิ” ค่ะ
และสามารถแบ่งความหมายของคำออกมาได้ดังนี้
“โอโมะเทะ” แปลว่า เบื้องหน้า
“นาชิ” แปลว่า ไม่มี
รวมแล้วหมายถึง ไม่มีเบื้องหน้า
เมื่อไม่มีเบื้องหน้า ก็ไม่มีเบื้องหลังเช่นกัน
“โอโมะเทะนาชิ” จึงหมายความว่า การบริการด้วยความจริงใจโดยไม่หวังผลตอบแทน (ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่มีวัตถุประสงค์แอบแฝง) หรือว่าง่าย ๆ ก็หมายถึงการบริการด้วยใจนั่นเองค่ะ
“โอโมะเทะนาชิ” ฝังรากลึกในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว ว่ากันว่าเริ่มต้นมาจากพิธีชงชาของญี่ปุ่นที่เรียกว่า ซะโด (茶道) ที่ผู้ชงชาจะพิถีพิถันในการชงชาและดูแลแขกในพิธีอย่างจริงใจและเท่าเทียม เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับแขก
(Photo credit: https://matcha-jp.com/en/2674)
คำว่า “โอโมะเทะนาชิ” ยังเคยทำให้ญี่ปุ่นชนะการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 2020 อีกด้วย และหลังจากนั้นคำนี้ก็เริ่มแพร่หลายเป็นวงกว้างมากขึ้น
แนวคิดโอโมะเทะนาชิของประเทศญี่ปุ่นไม่ได้นำมาใช้ในแง่ของการบริการเท่านั้น แต่ยังนำมาใช้ในแง่ของการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อแก้ Pain point และตอบโจทย์ผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด
สังเกตง่าย ๆ ได้จากสินค้าที่เราซื้อตามร้านสะดวกซื้อในประเทศญี่ปุ่น แทบจะไม่มีสินค้าตัวไหนที่เราแกะได้อย่างยากลำบากเลย เพราะทุกอย่างถูกดีไซน์ออกมาโดยนึกถึงผู้บริโภคสุด ๆ ทั้งแพ็กเกจขนมที่นอกจากจะแกะได้ง่าย ไม่เปื้อนมือ ยังมีการพัฒนาฝาโยเกิร์ตที่สามารถเปิดได้โดยไม่มีโยเกิร์ตติดอยู่บนฝาอีกด้วย (ถ้าเป็นที่ไทยนี่จะต้องได้เลียฝาทุกทีเลยใช่ไหมล่ะคะ 😆)
เคยไหมที่เวลาจะแกะซองซอสแล้วหงุดหงิดทุกครั้งเพราะไม่มีวิธีไหนเลยที่จะไม่เลอะมือ
แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นมีซอสที่มาพร้อมกับแพ็กเกจที่จริงใจ แกะง่าย ไม่เลอะมือ บีบทีเดียว จบ! (ประทับใจที่สุด!)
(Photo credit: https://kiji.life/10-impression-in-japan/)
หรือจะเป็นซองป็อกกี้ที่สามารถฉีกจากด้านข้างทำให้เราสามารถหยิบกินได้ง่าย ๆ
(Photo credit: https://news.yahoo.co.jp/expert/articles/7ac609b6f21e296e7e1276301bf8e1f15ff8caf9)
เรียกได้ว่ามีหลายอย่างที่เราเคย suffer ที่ไทย แต่พบว่าสิ่งนี้มันมีทางที่ดีกว่าหรือแก้ไขได้นี่นา…ที่ประเทศญี่ปุ่น
หรือแม้แต่สิ่งที่เราคุ้นเคยกันดีเมื่อไปร้านอาหารญี่ปุ่น อย่างคำว่า “อิรัชชัยมาเสะ” หรือยินดีต้อนรับในภาษาญี่ปุ่น ที่เราจะได้รับทุกครั้งเมื่อเดินเข้าร้าน ก็ถือเป็นโอโมะเทะนาชิอย่างหนึ่งเช่นกันค่ะ
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวและอาหารที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ไปเยือนประเทศญี่ปุ่น ฉันว่า “โอโมะเทะนาชิ” สิ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ประทับใจนักท่องเที่ยวทุกชนชาติและทำให้อยากจะกลับไปเยือนญี่ปุ่นอีกครั้งค่ะ
ไหนใครมีเรื่องอะไรประทับใจใน “การบริการด้วยหัวใจ” ของประเทศญี่ปุ่น เอามาแบ่งปันกันได้นะ!