BLOG
บทความ
ประเทศญี่ปุ่นเรียกได้ว่าขึ้นชื่อเรื่อง “รถไฟ” ใช่ไหมล่ะคะ ไม่ว่าใครก็รู้จัก “ชินคันเซ็น” ที่ถึงแม้จะเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ถ้าพูดคำว่าชินคันเซ็นปุ๊บ ทุกคนก็จะรู้ได้เลยว่าคืออะไร ในประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนหรือไปต่างจังหวัดก็มีรถไฟต่อไปถึงได้อย่างสะดวกสบาย การคมนาคมของประเทศญี่ปุ่นนี่ต้องขอยกนิ้วให้เลยค่ะ
ไม่เพียงแค่รถไฟเพื่อการเดินทางเท่านั้น ประเทศญี่ปุ่นเองก็มีรถไฟท่องเที่ยวที่โดดเด่นในเรื่องทัศนียภาพและสัมผัสประสบการณ์ต่าง ๆ ภายในรถไฟ ทั้งเพลิดเพลินไปกับการตกแต่งของรถไฟ เช่น ขบวนรถไฟสไตล์เรโทร หรือขบวนรถไฟที่มีการร่วมมือกันกับคาแรกเตอร์ต่าง ๆ เพิ่มความพิเศษขึ้นไปอีก มีการชมวิวทิวทัศน์สุดอลังการระหว่างทาง หรือรับประทานอาหารมื้อพิเศษระหว่างโดยสารรถไฟ
เรียกได้ว่าเป็นการนั่งรถไฟที่ไม่ใช่เพื่อการเดินทาง แต่การนั่งรถไฟต่างหากที่กลายมาเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวค่ะ
ที่ประเทศญี่ปุ่นมีหลากหลายบริษัทรถไฟมากมายที่นอกเหนือจาก JR ที่ทุกคนรู้จักกัน ทุกบริษัทต่างก็พากันพัฒนารถไฟและสายรถไฟออกมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายหรือสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้คนในประเทศรวมถึงนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ค่ะ
ซึ่งในวันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับรถไฟขบวนใหม่จากบริษัท Tobu Railway ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ ตอนนี้กำลังฮอตสุด ๆ ไปเลย ใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องตามมาเลยค่ะ~
บริษัท Tobu Railway มีบริการรถไฟมากมายหลายสาย หนึ่งในนั้นก็คือสาย Asakusa – Nikko/Kinugawa ค่ะ เส้นทางรถไฟจากโตเกียวไปยังนิกโกได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสายรถไฟ สะดวกสบายมากสำหรับใครที่อยากไปท่องเที่ยวนิกโก โดยจะมีขบวนรถไฟด่วนพิเศษ SPACIA และขบวนรถไฟด่วนพิเศษ Revaty ที่ให้บริการในเส้นทางนี้
แต่เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็ได้มีกำลังเสริมเป็นรถไฟขบวนใหม่ไฉไลกว่าเดิมมาให้บริการ พร้อมสร้างความทรงจำสุดพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปนิกโกค่ะ
ขบวนรถไฟด่วนพิเศษ “SPACIA X”
ขบวนรถไฟด่วนพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาในเส้นทาง Asakusa – Nikko/Kinugawa ที่มาพร้อมความหรูหรา สะดวกสบาย และดีไซน์สุดสวยงาม ที่จะทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่ออีกต่อไป!
โดยเราสามารถขึ้นรถไฟที่สถานี Asakusa Station ของสายรถไฟ Tobu line
เห็นตึกใหญ่กลางแยกแบบนี้ ก็เดินเข้าไปเลยค่ะ
เมื่อเข้ามาในสถานีก็จะเจอป้ายบอกตารางเวลารถไฟ ซึ่งตรงนี้ก็จะมี TOBU Tourist Information Center ค่ะ คอยให้บริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งใครที่อยากปรึกษาหรือต้องการซื้อพาสต่าง ๆ ก็สามารถมาขอคำแนะนำได้ที่นี่ค่ะ มีพนักงานคนไทยคอยให้บริการอยู่ด้วย นักท่องเที่ยวชาวไทยหายห่วงแน่นอน!
พอใกล้ถึงเวลาเราก็ไปขึ้นรถไฟกันค่ะ
แว็บแรกที่ได้เห็นก็รู้ได้ทันทีว่า นี่คือรถไฟขบวนใหม่! แบบตะโกนออกมา 555
ความใสกิ๊งและดีไซน์ที่ทันสมัย ทำให้ประทับใจตั้งแต่แรกเห็นเลยค่ะ
ถึงแม้จะดูมีความทันสมัยและหรูหรา แต่จริง ๆ แล้วการออกแบบของ SPACIA X เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมของท้องถิ่นให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ค่ะ
สังเกตุได้จากด้านข้างของขบวนรถไฟที่ดีไซน์ออกมาเป็นสัญลักษณ์ตัว X เหมือนกับชื่อ ได้แรงบรรดาลใจมาจากงานหัตถกรรมจักรสานจากไม้ไผ่และลวดลายคุมิโกะอันเป็นเอกลักษณ์ ของเมืองคานุมะ จังหวัดโทจิกิ นั่นเองค่ะ รวมถึงสีขาวที่สง่างามของตัวรถไฟก็เป็นสีโกะฟุง หรือสีของประตูโยเมมงของศาลเจ้านิกโกโทโชงู
และชื่อ SPACIA X ที่พัฒนามาจากชื่อ SPACIA ก็แสดงถึงประสบการณ์ (Experience) การท่องเที่ยวด้วยรถไฟรูปแบบใหม่ และยังเป็นสัญลักษณ์ว่ารถไฟรูปแบบใหม่นี้จะเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อ (cross = “X”) ผู้คนและวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอีกด้วยค่ะ
สุดยอดมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ
ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปดูภายในขบวนรถไฟกันเลย!
มาเริ่มกันที่ตู้ 6 ที่เป็นตู้ของที่นั่งแบบ Compartment และ Cockpit Suite ค่ะ
เมื่อเข้ามาภายในรถไฟก็จะมีจุดให้วางกระเป๋าเดินทางอยู่บริเวณประตูค่ะ
และเพื่อป้องกันการโจรกรรมหรือขโมย จะมีสายคล้องกระเป๋าให้ใช้งานด้วยค่ะ ง่าย ๆ เพียงแค่นำบัตร IC Card เช่น บัตร Pasmo, Suika หรือบัตรเครดิตก็ได้ ไปติ้ดที่สัญลักษณ์ก็สามารถใช้งานได้แล้วค่ะ
วางกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ไปดูที่นั่งกันค่ะ
สำหรับ SPACIA X นอกจากจะปรับดีไซน์ให้ดูทันสมัยขึ้นแล้ว ยังมีการอัพเกรดที่นั่งให้นั่งได้อย่างสะดวกสบายขึ้นอีกด้วยค่ะ โดยเฉพาะใครที่ท่องเที่ยวกันเป็นกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวน่าจะถูกใจเลยทีเดียว เพราะขบวนนี้มีการจัดที่นั่งแบบเป็นห้องเพิ่มความไพรเวทให้ด้วยค่ะ
อย่างห้อง Compartment มีทั้งหมด 4 ห้อง สามารถนั่งได้ห้องละ 4 คน มีประตูปิดมิดชิด ได้ความเป็นส่วนตัวแน่นอน
และสุดปลายขบวนเป็นที่นั่งสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ห้อง Cockpit Suite หรือห้องสวีทปลายขบวนค่ะ
ห้องนี้ถือว่าเป็นที่นั่งระดับเฟิร์สคลาสของรถไฟขบวนนี้เลยก็ว่าได้ สามารถนั่งได้สูงสุด 7 คน ชมวิวกันแบบจุก ๆ ทั้งหน้าต่างด้านข้างและด้านหน้า
อีกทั้งการออกแบบภายในก็มีการผสมผสานศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น อย่างโคมไฟก็ได้แรงบันดาลใจมาจากลวดลายของประตูโยเมมง เป็นการผสมผสานที่ลงตัวและงดงามมากเลยทีเดียวค่ะ
ซึ่งความพิเศษของคนที่ได้มานั่งในห้อง Cockpit Suite นี้ จะได้รับของที่ระลึกเล็ก ๆ น้อย ๆ สุดพิเศษและได้ทักทายกับผู้ควบคุมขบวนรถไฟหรือคนขับรถไฟอีกด้วยค่ะ
โดยปกติแล้วห้องคนขับรถไฟก็จะไม่ได้มีการเปิดให้เห็นกันขนาดนี้ใช่ไหมล่ะคะ แต่หากมานั่งในห้อง Cockpit Suite ล่ะก็ จะสามารถชมบรรยากาศภายในห้องขับรถไฟจริง ๆ ได้เลย เอ็กซ์คลูซีฟสุด ๆ !
(แต่ไม่สามารถเข้าไปข้างในห้องได้นะคะ)
อีกห้องที่พิเศษไม่แพ้กันคือ Cockpit Lounge ค่ะ
ทั้งบริเวณตู้ที่ 1 จะมีการออกแบบให้คล้ายกับห้องรับรอง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากโรงแรมรีสอร์ทเก่าแก่นิกโกคานายะและสวนอนุสรณ์บ้านพักตากอากาศสถานทูตอังกฤษ
ความพิเศษคือใครที่จองที่นั่ง Cockpit Lounge จะสามารถซื้ออาหารและเครื่องดื่มจากเคาน์เตอร์คาเฟ่ภายในขบวนรถไฟนี้ได้ค่ะ
อย่างเช่น ขนมคุกกี้ม้วนรสช็อกโกแลตของขนมยี่ห้อดัง yoku moku ที่มาในแพ็กเกจกล่องเหล็กพร้อมลวดลายพิเศษที่แสดงถึงการเชื่อมต่อระหว่างโตเกียวและนิกโก สวยงามน่าเก็บกลับไปเป็นที่ระลึกมาก ๆ เลยค่ะ
ขนมก็อร่อยและแพ็กเกจก็น่าเก็บสะสม แถมมีขายเฉพาะบนขบวนรถไฟนี้เท่านั้นด้วย!
และต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ขึ้นรถไฟขบวนนี้จะสามารถมาซื้อสินค้าที่เคาน์เตอร์คาเฟ่ได้นะคะ
เพื่อป้องกันการแออัด จะให้บริการเฉพาะผู้โดยสารที่นั่ง Cockpit Lounge เท่านั้นค่ะ
แต่คนอื่น ๆ ก็ใช่ว่าจะหมดหวังซะทีเดียว
หลังจากที่รถไฟออกเดินทางประมาณ 30 นาที ผู้โดยสารที่นั่งตู้อื่น ๆ จะสามารถแสกน QR Code ที่อยู่หลังเบาะที่นั่ง เพื่อลุ้นรับโอกาสในการใช้บริการเคาน์เตอร์คาเฟ่ค่ะ ก็คือเป็นการล็อตเตอร์รี่นั่นเอง ใครจะมีโอกาสได้ลิ้มลองเมนูเฉพาะของ SPACIA X หรือซื้อของฝากที่ระลึกกลับไปไหม ก็อยู่ที่ดวงใครดวงมันแล้วล่ะค่ะ
ถ้าใครดวงขึ้นก็จะสามารถรับบัตรคิวได้ และต้องไปซื้อสินค้าในช่วงเวลาที่ระบุไว้ค่ะ
มาลองดูกันที่ที่นั่งแบบอื่น ๆ กันบ้าง
ถ้าไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องเป็นที่นั่งหรูหราหรืออยากได้ความเป็นส่วนตัว ก็สามารถมาใช้บริการที่นั่งแสตนดาร์ดได้ค่ะ
ถึงแม้จะเป็นที่นั่งระดับแสตนดาร์ด แต่ก็มีบริเวณกว้างขวางและนั่งได้อย่างสะดวกสบาย
แต่ถ้าอยากนั่งสบายขึ้นมาอีกสักนิด สามารถขยับมาเป็นที่นั่งพรีเมียมได้ค่ะ
ที่นั่งพรีเมียมก็จะมีความกว้างขึ้นมาอีก ทั้งสีสันที่โดดเด่นและสามารถปรับเอนเบาะได้โดยไม่ต้องเกรงใจที่นั่งด้านหลัง มีไฟอ่านหนังสือส่วนตัวรวมถึงสามารถขยับหมอนเพื่อใช้รองคอได้อีกด้วย
ราคาของรถไฟ SPACIA X จะขึ้นอยู่กับประเภทที่นั่งและระยะทาง
หากใครสนใจสามารถเข้าไปชมรายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงชมวิดีโอรีวิวภายในรถไฟขบวนนี้ได้ในเว็บไซต์ค่ะ
https://www.tobu.co.jp/spaciax/th
และแล้วเราก็มาถึงสถานี Tobu-nikko Station แล้วค่ะ
ภายในสถานีก็มีจุดให้บริการข้อมูลการท่องเที่ยวนิกโก
อ้อ! รถไฟ SPACIA X นี้ก็สามารถใช้ร่วมกับ Nikko Pass ได้นะคะ
*จำเป็นต้องชำระค่าจองที่นั่งและค่าธรรมเนียมรถไฟด่วนเพิ่มเติม
อยากไปเที่ยวนิกโกแบบสบาย ๆ พร้อมรับประสบการณ์ที่น่าจดจำ
ไปลองใช้บริการรถไฟขบวนใหม่ SPACIA X กันนะคะ