BLOG
บทความ
หลังจากที่ยืนตะลึงงันตกอยู่ในห้วงเวลาของตัวเองกว่าจะตระหนักได้ถึงเวลาที่ไหลไปอย่างช้าๆ ก็ปาเข้าไป 11 โมงเสียแล้ว เลยรีบเดินไปยังจุดจำหน่ายตั๋ว ก็ได้ประสบกับเหตุการณ์ที่ชวนให้ลืมตาตื่นอีกครั้ง
ตั๋วสำหรับเข้าชมพิพิธภัณฑ์นี้จะต้องจองล่วงหน้าทางเว็บไซต์เท่านั้น
เลยสอบถามทางเจ้าหน้าที่ไปเขาก็ยอมให้เราซื้อตั๋ว และครั้งถัดไปให้จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้ามา
โชคดีครั้งนี้ที่มีโอกาสได้เข้าไป ถ้าไม่ได้เข้าก็คงเสียใจไม่น้อย
เจ้าหน้าที่บอกเส้นทางให้เดินไปเพื่อจะได้เข้าไปด้านในพิพิธภัณฑ์
ระหว่างที่เดินบนพื้นคอนกรีตแคบๆ ที่ขนาบด้วยแมกไม้สีเขียวขจีก็อดไม่ได้ที่จะหยุดสูดอากาศและถ่ายรูปเล็กๆ น้อยๆ จนในที่สุดก็ถึงทางเข้าพิพิธภัณฑ์
เจ้าหน้าที่บอกให้หยุดรอสักครู่พร้อมยื่นกระเป๋าใสไว้ใส่สัมภาระที่เราถืออยู่ในมือ
รอไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็ให้ถอดรองเท้าและเดินเข้าไป
อาคารคอนกรีตสีขาวหลังคาเจาะเป็นรูอยู่ 2 ฝั่งเพื่อให้เราได้เสพบรรยากาศการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติภายนอก น้ำธรรมชาติที่ผุดออกจากรูบนพื้นปูนไหลเวียนวนเหมือนวัฏจักรของธรรมชาติ มองดูแล้วก็เหมือนวัฏจักรของมนุษย์ ที่เกิดขึ้นมา เดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ไหลไปตามกระแสธารา ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วก็คืนสู่พื้นปฐพีเช่นเดิม
หากใครที่อยากรู้ความหมายที่แท้จริงของศิลปินและชมภาพประกอบสามารถมาอ่านได้ที่นี่เลย
งานศิลปะนี้เหมือนไม่มีอะไร แท้จริงแล้วกลับทำให้เรารู้สึกสงบและเต็มไปด้วยสติอีกครั้ง
เพดานที่มีรูกลมขนาดใหญ่ 2 รู ฝั่งหนึ่งมองเห็นท้องฟ้า อีกฝั่งมองเห็นป่าเขียวชอุ่ม ฝั่งที่มองเห็นท้องฟ้าดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากกว่าอีกฝั่ง เพราะอะไรกันนะ?
หรือทุกคนเป็น ‘Ouranophile’ ผู้หลงใหลในท้องฟ้ากันนะ
คงจะจริงที่ท้องฟ้าเป็นมากกว่าท้องฟ้า ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่แบบไร้ขอบเขตช่วยทำให้มนุษย์รู้สึกสบายใจและมอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับมนุษย์ทุกครั้งที่ได้มอง
เมื่อมองไปรอบๆ ก็ตระหนักได้ถึงการเคลื่อนไหวของผู้คน
บางคนก็นั่งเหม่อมองน้ำที่ไหลออกมาจากรูหนึ่งไปอีกรูหนึ่ง
บางคนก็แหงนหน้านั่งมองท้องฟ้าที่เมฆสีขาวและดำสลับกันมาปรากฏตัว
บางคนก็นอนดูอย่างสบายใจ
บางคนก็เล่นสนุกกับน้ำ จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาเตือน
บางคนก็กำลังจับแมลง แขกรับเชิญที่หลงเข้ามาในงานศิลปะชิ้นนี้
บางคนก็นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่ในมุมหนึ่ง
บางคนก็นอนหลับไป
ความหลากหลาย ความแตกต่างของผู้คนในสถานที่และช่วงเวลาเดียวกันก็ชวนมองอย่างน่าประหลาด
เสียงพูดคุยจอแจดังก้อง สัญญาณบ่งบอกของผู้มาเยือนกลุ่มใหม่ที่เมื่อตระหนักได้ว่าเสียงดังก็เงียบลงทันทีเหมือนโดนร่ายมนต์ใส่
ฝีเท้าที่ค่อยๆ เดินเข้ามา พร้อมสายตาของเจ้าหน้าที่ที่คอยจับตามองเพื่อรักษาบรรยากาศและความงามของงานศิลปะชิ้นนี้ไว้
ทุกคนที่มาใหม่ล้วนมองที่พื้นเพื่อคอยระวังไม่ให้เหยียบน้ำที่เป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะ
เส้นด้ายที่ย้อยลงมาจากเพดานปลิวไปตามทิศทางลม ซ้ายทีขวาที จุดนี้ก็ชวนให้มองไม่แพ้กัน
นั่งไปสักพักใหญ่ก็ย้ายไปนั่งฝั่งที่เป็นป่าดูบ้าง ฝั่งนี้เจี๊ยวจ๊าวพอตัว ไม่ใช้ใครที่ไหนแต่เป็นเสียงของเจ้าจั้กกันที่พากันร้องระงมไปทั่ว
กว่าจะรู้ตัวก็เที่ยงกว่าๆ เกือบจะบ่ายโมงเข้าไปแล้ว จึงตระหนักได้ว่าต้องย้ายตัวเองออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร็ว
เพียงเดินผ่านช่องสี่เหลี่ยมที่ไม่มีแม้แต่บานประตูก็เหมือนได้สัมผัสโลกอีกใบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นักท่องเที่ยวมากมายที่ออกันอยู่ที่ร้านขายของที่ระลึก ภาษาที่ได้ยินล้วนหลากที่มา
บางทีคนที่หมกตัวอยู่ในพิพิธภัณฑ์นั้นตั้งแต่เช้าอาจจะอยากหลีกหนีความวุ่นวาย
แม้จะชั่วคราวแต่ก็ดีไม่น้อยเลยทีเดียว