BLOG

บทความ

Teshima 3: เสียงหัวใจ

Teshima 3: เสียงหัวใจ

ขณะนี้เป็นเวลา 12.30 น. เหมาะแก่การรับประทานมื้อเที่ยงเสียจริง มื้อเที่ยงวันนี้คือ ร้าน Aoi Sora ร้านโซเม็งคุณลุงคุณป้าที่ตั้งอยู่บนเนินสูงที่มองเห็นทะเล





ที่นี่ติดแอร์ธรรมชาติ สายลม แสงแดด แมลงแขกผู้มาเยือนพร้อมจะแวะมาทักทายได้ทุกเมื่อ




เมื่อเดินถึงร้านหรือจะเรียกว่าบ้านดีล่ะ คุณลุงคุณป้ากำลังเตรียมอาหารชุดใหญ่อย่างขะมักเขม้นมือเป็นระวิง เลยได้แต่ยืนมองผ่านกระจก จนคุณลุงเปิดกระจกออกมาถามว่ามากี่คน เพราะจะมีกลุ่มใหญ่มากินตอนบ่ายโมง ด้วยการที่มาคนเดียวคุณลุงเลยมองว่าคงไม่ทำให้เสียเวลาหรือเสียพื้นที่เท่าไหร่นักจึงรับออเดอร์จากเราไป



ระหว่างที่รออาหารก็เลยเดินเล่นรอบๆ ด้านหน้าบ้านมีสวนมะเดื่อฝรั่ง (Fig) ที่ตอนแรกตั้งใจจะทำกิจกรรมเก็บด้วย พอเห็นความยุ่งของทั้งคู่เลยยอมตัดใจไม่ทำและขอสั่งเป็นเมนูมะเดื่อปั่นใส่นมเพิ่มดีกว่า




ที่นั่งของร้านไม่มีโต๊ะ เป็นเหมือนม้านั่งยาวๆ ที่จะได้ชมทะเลไปด้วย แถมยังมีป้ายที่บอกว่าที่นั้นคือที่ไหน แปะไว้ข้างๆ ต้นเกาลัดที่ผลดก


ไม่นานนักคุณลุงก็เรียกให้ไปหยิบอาหาร

โซเม็งเสิร์ฟมาในถ้วยโฟม ข้าวอบเสิร์ฟมาในจานกระดาษ ปริมาณที่ให้มานั้นถูกใจคนกินจุแน่นอน




รอบๆ บ้านที่อุดมไปด้วยต้นไม้นานาทั้งเกาลัด มะเดื่อ ชวนให้มวลหมู่แมลงทั้งผึ้ง ต่อ แวะมาบินวนเวียนมาทักทายเป็นพักๆ

ไม่นานนักวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ก็เดินเข้ามาในร้านมองดูแล้วเหมือนเหล่านักศึกษาที่นัดกันมาเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่โดยมีหัวหน้าเดินเข้าไปบอกคุณลุงคุณป้าว่ามาแล้วนะ

‘ยังไม่ทันจะบ่ายโมง ทำไมมาเร็วกันจังนะ’

บทสนทนาของวัยหนุ่มสาวที่ออกรสออกชาติ จับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่

จากช่วงเวลาที่เงียบสงบที่คิดว่าจะค่อยๆ ละเลียดกินไปจนกว่าจะบ่ายโมง กลับทำให้รู้สึกว่าต้องรีบกินรีบไป

เมื่อกินเสร็จอย่างรวดเร็วก็ยกถาดไปคืน พร้อมจ่ายเงิน และกล่าวลา ก่อนจะมุ่งหน้าเดินเท้าไปยังสถานที่ต่อไป นั่นก็คือ งานศิลปะบริเวณท่าเรือคาราโตะ (Karato Port)

ระหว่างทางเดินก็ติดกับดักของวิวทิวทัศน์อีกแล้ว ณ จุดเดิม ต่างกันแค่เวลาเท่านั้น



ช่วงเวลานี้แดดกำลังดี ท้องฟ้าแจ่มใส เลยใช้เวลาไปกับการถ่ายรูปอยู่นานโขกว่าจะออกเดินทางต่อ






ถนนสายนี้ก็ตั้งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของภูเขาและป่าไม้เช่นเดิม เพิ่มเติมคือ มีเพื่อนร่วมทาง ครึกครื้นตลอด ไม่เงียบเหงาเหมือนยามเช้า มองซ้ายมองขวานักท่องเที่ยวที่มาคนเดียวก็เยอะพอสมควร แม้ส่วนใหญ่ก็มาเป็นคู่ก็ตาม…



เมื่อเดินลงเนินอาคารบ้านเรือนเริ่มปรากฏเบื้องหน้าโดยมีทะเลในเซโตะเป็นฉากหลัง
สวยงามจับใจอีกแล้ว



สักพักรถบัสแดงวิ่งผ่านอีกแล้ว


อากาศตอนนี้กำลังร้อนได้ที่ สังเกตได้จากที่นั่งของร้านน้ำแข็งไสที่เต็มไปเสียทุกที่นั่ง

เมื่อไม่มีที่นั่งก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ตู้กดน้ำเพื่อดับความกระหายแทน
เติมพลังเรียบร้อยไปเล่นบาสเกตบอลกันดีกว่า


นี่ไม่ใช้บาสเกตบอลธรรมดาเสียด้วยนะ เป็นบาสเกตบอลที่มีหลายห่วง ผู้เล่นสามารถออกแบบกติกาได้ตามใจชอบเลย ใช่แล้วนี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานในเทศกาลศิลปะนานาชาติเซโตะอุจิ ในปี ค.ศ. 2013 “No one wins – Multibasket” ผลงานของ Llobet & Pons ใต้แป้นบาสก็มีลูกบาสมากมายเตรียมไว้ให้ได้เล่น ถ้ามากันหลายๆ คนคงสนุกไม่น้อยเลย




พระอาทิตย์ที่อยู่ตรงศีรษะพอดี เร่งเร้าให้ไปหาร่มเงาด่วนๆ


และสถานที่ต่อไปที่มากี่ครั้งก็ประทับใจก็คือ Les Archives du Cœur (心臓音のアーカイブ) ผลงานศิลปะของศิลปินชาวฝรั่งเศส Christian Boltanski ผลงานชิ้นนี้อาจจะน่ากลัวเกินไปสำหรับคนที่กลัวความมืด หรือที่แคบ





ทางเดินที่ปูด้วยกรวดหินขนาบด้วยต้นไม้ต้นใหญ่ยาวเป็นทิวแถว เมื่อเดินตามเส้นทางไปเรื่อยๆ ก็จะพบอาคารไม้สีดำหลังเล็กดูลึกลับตั้งอยู่ริมชายหาด




พอเปิดประตูเข้าไป อากาศเย็นสบายของเครื่องปรับอาคารปะทะที่ผิวกาย ช่างเย็นชื่นใจดีเสียจริง

เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์แต่งกายด้วยชุดสีขาวยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนเป็น Lab ทดลองทางวิทยาศาสตร์ ตั๋วของที่นี่มีให้เลือก 2 แบบ คือ เข้าชมเฉยๆ และเข้าชมพร้อมทั้งบันทึกเสียงหัวใจตัวเอง

บันทึกเสียงหัวใจ?

งานศิลปะชิ้นนี้จะทำให้คุณได้ฟังเสียงของหัวใจตัวเองจริงๆ จังๆ เสียที

ซึ่งเราได้เลือกเข้าชมเพียงอย่างเดียว
เมื่อเปิดประตู ด้านขวามือจะมีจอที่ขึ้นชื่อและประเทศของเจ้าของเสียงหัวใจที่กำลังเปิดอยู่ ฟังดูแล้วก็ดูเหมือนธรรมดาไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลย

ทว่าเมื่อเปิดประตูอีกบานสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าคือ หลอดไฟสีเหลืองที่สว่างไสวใจกลางห้องที่มืดสนิท แสงไฟเต้นตามจังหวะของเสียงหัวใจ พร้อมกับไฟหลอดเล็กอื่นๆ บริเวณผนังที่เต้นประกอบกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่เบากว่า เสียงของหัวใจที่ดังกึกก้องในห้องสี่เหลี่ยม ชวนหายใจถี่ตามจังหวะหัวใจที่ได้ยิน จนรู้สึกเหนื่อยเหมือนได้ออกกำลังกาย เมื่อถึงจุดหนึ่งต้องขอเปิดประตูออกไปพักหายใจหายคอ และขอดูชื่อเจ้าของเสียงหัวใจนี้สักครั้ง

บางครั้งพอได้เห็นตัวเลขของอายุเจ้าของหัวใจก็รู้สึกทึ่งถึงการทำงานหนักของหัวใจ อวัยวะที่ไม่เคยหยุดทำงานเลย

สถานที่ที่เปิดให้รับฟังเสียงหัวใจคนอื่นและฟังเสียงหัวใจตัวเอง
คิดแล้วก็อดทึ่งกับความคิดที่แสนสร้างสรรค์ของเหล่าศิลปินไม่ได้เลย

ออกมาจากอาคารพร้อมกับเมฆดำที่ลอยเหนือศีรษะ เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นจากแดดจ้ากลายเป็นเมฆฝนเข้ามาแทนที่ อากาศกลับตาลปัตร


น้ำทะเลที่เคยใสกลายเป็นสีเขียว เดาได้ว่าไม่ช้าที่นี่ฝนต้องตกแน่นอน


จึงก้าวเท้าสาวไปป้ายรถเมล์อย่างเร็ว อย่างน้อยหากฝนตกก็มีที่ให้หลบฝน
ลมพัดแรงขึ้นจนเริ่มสร้างความกังวล ไม่นานรถบัสแดงก็มาจอดที่ป้ายตามเวลา

หากเป็นช่วงนอกเทศกาลหรือวันธรรมดาดูเหมือนรถบัสบนเกาะจะให้บริการเพียงคันเดียว เพราะคนขับท่านนี้และรถบัสสีแดงป้ายทะเบียนนี้ได้เจอกันตั้งแต่เช้าแล้วไม่ผิดแน่


พอ 14.48 น. รถบัสก็เคลื่อนตัวออกจากป้ายรถบัสท่าเรือคาราโตะทันที ออกตัวมาได้ไม่นานนักฝนก็เทลงมากระหน่ำ ป้ายรถเมล์ถัดไปมีผู้โดนสารขึ้นมาอย่างแน่นขนัดบางคนก็ตัวเปียกปอนไปหมด

คิดไปคิดมารู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ไม่ได้เช่าจักรยาน

ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึงท่าเรืออิเออุระ ซึ่งเป็นจุดที่เราต้องนั่งเรือกลับท่าเรือทากามาทสึ สายฝนก็ยังคงร่วงลงมาจากฟากฟ้าไม่ขาดสาย ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด นักท่องเที่ยวทุกคนต่างพากันนั่งรออยู่ในอาคารท่าเรือ



หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงฝนก็เริ่มซ่า จึงหยิบร่มที่มีในกระเป๋าพร้อมก้าวออกจากอาคารเพื่อไปจุดหมายสุดท้ายอีกแห่งที่รออยู่

จากท่าเรือเดินไปเพียง 5 นาทีเท่านั้น


ธงรูปสตรอว์เบอร์รีปลิวไสวไปตามแรงลม กระดานเมนูที่เปียกไปหมด ก่อนกลับขอเติมความหวานด้วยร้านเด็ดของที่นี่


“Ichigo-ya” (いちご家) ร้านของหวานที่ทำจากสตรอว์เบอร์รีท้องถิ่นที่ปลูกบนเกาะเทชิมะ ไม่ว่าจะเป็นเครป น้ำแข็งไส หรือน้ำปั่น

ไม่รู้อะไรดลใจให้สั่งน้ำแข็งไส และน้ำปั่น ตอนสั่งนั้นคุณน้าเจ้าของร้านก็เตือนแล้วว่าระวังไม่สบายนะ มันเย็นทั้งคู่เลยนะ จะไหวเหรอเดี๋ยวป่วยเอานะ

เลือดคนไทยและในฐานะคนรักน้ำแข็ง จึงตอบไปว่า “ไดโจบุเดส”

เมื่อน้ำแข็งไสและน้ำปั่นมาเสิร์ฟ แรกๆ ก็ยังไหว หลังๆ เริ่มสั่น อาจเป็นเพราะอากาศข้างนอกที่เย็นลงเพราะฝนตกก็เป็นได้ กว่าจะกินหมดชามก็เล่นเอาตัวสั่นหงกๆ ลิ้นชาไร้ความรู้สึกเลยทีเดียว


กินเสร็จฝนก็หยุดตกพอดี ระหว่างเดินกลับไปท่าเรือก็แอบเห็นสวนมะกอก เลยแวะถ่ายรูปอีกสักหน่อยไหนๆ ฝนก็หยุด

ดูนาฬิกายังพอมีเวลาเหลือจึงค่อยๆ เดินกลับไปท่าเรือ
รถบัสสีแดงที่กำลังวิ่งมาจากท่าเรือค่อยๆ วิ่งผ่านหน้า คุณน้าบนรถบัสยิ้มหวานให้พร้อมบ๊ายบาย เราก็ก้มโค้งพร้อมโบกมือหยอยๆ

นี่เป็นการเจอกันรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วนะ ได้แต่นึกขำในใจ

ประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วก็เข้าประจำที่ เรือรอบต่อไปที่จะไปท่าเรือทากามาทสึก็คือ 17.20 น. ยังพอมีเวลาเลยออกไปเก็บภาพบรรยากาศหน้าพิศวงหลังฝนตกเสียหน่อย


วันนี้ถือว่าเป็นอีกวันที่มีหลายรสชาติ หลายบรรยากาศ ทั้งเมฆหนา ฟ้าร้อง ฝนตก แดดออก เป็นอีกวันที่ถือว่าคุ้มค่าเสียจริง…

ส่งท้ายการเดินทางบนเกาะเทชิมะกับบรรยากาศฟ้าเปิดหลังฝนตก
เมื่อเมฆฝนพัดผ่านไปฟ้าสดใสกลับคืนมาอีกครา 😌