BLOG
บทความ
สองตอนที่ผ่านมาได้เล่าถึง TOKYO SKYTREE ไปแล้ว 💬 และพาไปเยี่ยมชมภายใน TOKYO SKYTREE ตอนกลางวันไปแล้ว 🌞 วันนี้เราจะมาเล่าเกี่ยวกับการจัดแสดงไฟของ TOKYO SKYTREE ในยามค่ำคืนกันค่ะ 🗼💡😊
ใช่แล้วล่ะค่ะ! นอกจากจะสามารถชื่นชมความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีของ TOKYO SKYTREE, เพลิดเพลินกับวิวมหานครโตเกียวจากมุมสูง, ท่องไปในโลกแห่งประวัติศาสตร์และความรู้เกี่ยวกับหอคอยที่สูงที่สุดในโลก และทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมายภายใน TOKYO SKYTREE แล้ว 🤓🌃 TOKYO SKYTREE ยังมีอีกหนึ่งความน่าสนใจที่รอให้ทุกคนได้มาสัมผัสคือ TOKYO SKYTREE Lighting หรือ การจัดแสดงไฟในยามค่ำคืนนั่นเองค่ะ
การจัดแสดงไฟ หรือการเปิดไฟไลต์อัพของ TOKYO SKYTREE คือแสงไฟส่องสว่างที่เปิดประดับบนโครงสร้างของ TOKYO SKYTREE 🌙 เผยถึงความงดงามอีกมุมของตัวหอคอยอย่างเส้นโค้งเว้าและโครงสร้างที่ซับซ้อนให้แก่นักท่องเที่ยวและชาวเมืองโตเกียวชื่นชมได้จากมุมต่าง ๆ ของเมืองได้ทุกวัน ⌚ ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 18.00 – 24.00 น.
TOKYO SKYTREE Lighting ได้รับการออกแบบให้มีความเชื่อมโยงและสื่อถึงศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์รวมถึงปัจจุบันของญี่ปุ่นและโตเกียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านชิตะมาชิ เขตชุมชนเมืองในอดีตของโตเกียว 🔮 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “วันนี้ที่เชื่อมโยงกับวันพรุ่งนี้ วันถัดไป และอนาคต”
🕕 ช่วงเวลาประมาณ 18.00 – 19.00 น. ของทุกวัน จะเป็นการจัดแสดงไฟสีขาวแบบเรียบง่ายที่กระพริบและส่องประกาย พร้อมแต่งแต้มด้วยสีแดงที่บริเวณจุดชมวิวยอดหอคอย
🕖 ช่วงเวลาประมาณ 19.00 – 24.00 น. ของทุกวัน จะเป็นการจัดแสดงไฟที่มีสีสันซึ่งจะต่างกันไปในแต่ละวัน โดยมี 3 แบบหลัก ๆ คือ อิคิ, มิยาบิ, โนะโบริ และมีสีพิเศษ (Special Lighting) ในบางวันเท่านั้น สามารถเช็คตารางการจัดแสดงไฟของ TOKYO SKYTREE ได้ที่นี่ 👉🏻 https://www.tokyo-skytree.jp/en/enjoy/lighting/ ค่ะ
แสงไฟ 3 แบบที่ผ่านการออกแบบมาอย่างดีนั้นมีแบบไหนบ้างนะ ? มาอ่านกันค่ะ 👇🏻😉
① อิคิ (Iki / 粋)
สีที่ใช้ในการจัดแสดงคือ “สีฟ้า / น้ำเงิน”
Source: https://www.tokyo-skytree.jp/img/lighting/a8c62d66db1d900ff9acd68f91d0dd2331232720221406908.png
เป็นการจัดแสดงไฟที่แสดงถึง “จิตวิญญาณที่เข้มแข็งของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสมัยเอโดะ” โดยคำว่า “อิคิ” ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า สวยงาม, มีสไตล์, องอาจ, ตามสมัย, มีรสนิยม, ซับซ้อน และช่ำชอง นอกจากนี้คำว่า “อิคิ” ยังเป็นคตินิยมที่เกิดขึ้นในสมัยเอโดะ ที่มีอิทธิพลในด้านต่าง ๆ มากมาย ทั้งเรื่องทัศนคติ วิธีคิด รูปแบบการดำเนินชีวิต การแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้ และงานศิลปะ
สีฟ้าและสีน้ำเงิน ในญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์, ศักดิ์ศรี, เกียรติภูมิ, ความสงบ, สันติสุข, ความมั่นคงแน่วแน่ และความภักดี และยังเป็นตัวแทนของไพร่ฟ้าประชาชนทั่วไปในญี่ปุ่น รวมถึงทะเลและท้องฟ้าที่ห้อมล้อมประเทศญี่ปุ่น ส่วนสีฟ้าในที่นี้หมายถึงสีของแม่น้ำสุมิดะค่ะ นอกจากนี้สีครามยังเป็นหนึ่งในสีประจำยุคสมัยเอโดะ*อีกด้วยนะคะ
② มิยาบิ (Miyabi / 雅)
สีที่ใช้ในการจัดแสดงคือ “ม่วง”
Source: https://www.tokyo-skytree.jp/img/lighting/246a0cfb9ad212044cf6e6f402d55f2a31234020221406199.png
เป็นการจัดแสดงไฟที่แสดงถึง “ความงดงามแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น” โดยคำว่า “มิยาบิ ” ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า ความสง่างาม, ความประณีต, ความสุภาพเรียบร้อย นอกจากนี้คำว่า “มิยาบิ ” ยังเป็นคตินิยมที่เกี่ยวข้องกับความงามแบบประเพณีนิยมของชนชั้นสูงในญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นความสง่างามที่ผ่านการขัดเกลาและฝึกฝนมาอย่างดี และยังเกี่ยวข้องกับการซาบซึ้งในความงามของความไม่ยั่งยืนและสัจธรรมของชีวิตอีกด้วย
สีม่วงโทนที่นำมาใช้คือ “เอโดะ มูระซากิ” (Edo-murasaki / 江戸紫)
โทนสีที่สมัยก่อนเคยถูกสงวนไว้ใช้เฉพาะบุคคลที่มีตำแหน่งสูงสุดเท่านั้น โดยคำว่า “เอโดะ” (Edo / 江戸) คือชื่อเดิมของมหานครโตเกียว และคำว่า “มูระซากิ” (murasaki / 紫) แปลว่าสีม่วง และสีม่วงยังเป็นสีที่ทำให้รู้สึกถึงความสง่างาม ความประณีต และความย้อนยุคเล็กน้อยด้วยค่ะ
③ โนะโบริ (Nobori / 幟)
สีที่ใช้ในการจัดแสดงคือ “ส้มแดง”
Source: https://www.tokyo-skytree.jp/img/lighting/b323b46a5beb8d3ac40e54431e340b5c31231720221406976.png
เป็นการจัดแสดงไฟที่แสดงถึง “ความเจริญรุ่งเรืองและความมีชีวิตชีวา” โดยคำว่า “โนะโบริ” ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า การขึ้นหรือการปีนสู่ที่สูง และธงชายหรือธงผ้าแนวตั้งชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น
สีส้มแดงเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีมาตั้งแต่สมัยก่อน โดยสีส้มแดงนี้เป็นที่รู้จักในญี่ปุ่นในชื่อ “สีส้มทาจิบานะ” (Tachibana / たちばな / 橘) ส้มในตระกูลส้มแมนดาริน ไม้มงคลที่เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง เพราะใบเป็นเขียวตลอดปีและผลส้มสีเหลืองทองอยู่บนกิ่งก้านได้เป็นเวลานาน นอกจากนี้ทั้งดอก ใบ และผลของส้มทาจิบานะยังถูกนำไปใช้ในเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทางวัฒนธรรมแห่งญี่ปุ่นด้วย และในภาษาจีน 橘 (จวี๋) ที่แปลว่า ส้ม ก็เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล เพราะการออกเสียงคล้ายกับคำว่า 吉 (จี๋) ที่แปลว่าสิริมงคล
ที่น่าสนใจมากพอ ๆ กับความสวยงามของแสงไฟเหล่านี้คือ แสงไฟเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้กลมกลืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการเลือกใช้หลอดไฟแบบ ALL-LED เพื่อให้แสงสว่างที่สวยงามและยังประหยัดพลังงาน ทำให้ TOKYO SKYTREE เป็นสัญลักษณ์ของสถาปัตยกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมค่ะ
ใครที่มีโอกาสได้ไปโตเกียว ในช่วงค่ำคืนลองแวะไปเดินเล่นชมบรรยากาศดี ๆ ในเมือง และการจัดแสดงไฟของ TOKYO SKYTREE กันนะคะ 🙂
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
🎨 สีประจำยุคสมัยต่าง ๆ ของญี่ปุ่น
– ยุคสมัยโบราณ: สีขาว (白)
– ยุคสมัยอะซุกะ-นะระ : สีแดงชาด (朱)
– ยุคสมัยเฮอัน : สีม่วง (紫)
– ยุคสมัยคามากุระ-มุโระมะจิ : สีเทาเข้ม (鈍色)
– ยุคสมัยเอโดะ : สีคราม (藍) , สีแดงเบนิ (紅)
– ยุคสมัยเอโดะตอนกลางและตอนปลาย : สีน้ำตาลชา (茶) , สีเทาหนู (鼠)
🔗 รายละเอียดเพิ่มเติม (ภาษาอังกฤษ)
https://www.tokyo-skytree.jp/en/