BLOG

บทความ

ไกด์ One day Trip

ไกด์ One day Trip

เริ่มต้นด้วยวันที่ 30 เม.ย.

ซึ่งเป็นงานที่เกี่ยวกับ TOHOKU JAPAN สำหรับฉันได้ประจำอยู่บูธอยู่เกือบทั้งวัน และแล้วก็ได้รับมอบหมายงานใหม่คือ ในวันถัดไปต้องทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยวให้แก่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นค่ะ ตอนที่ได้รับงานนี้มาค่อนข้างจะรู้สึกประหม่านิดหน่อย เพราะงานนี้ต้องไปกับลูกค้าชาวญี่ปุ่นกันแค่สองคน และฉันต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นแบบสุภาพในระดับหนึ่ง จึงเป็นเรื่องค่อนข้างที่จะยากเลย กังวลว่าฉันจะพูดถูกไหม หรือแม้จะเป็นการพูดถึงประวัติคร่าวๆ ของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นได้ไหม เพราะสำหรับฉันเอง อยากจะอธิบายให้ลูกค้าได้ทราบถึงที่ไปที่มาของสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ไทย และในการอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากมาก (ไม่ค่อน แต่ยากเลยดีกว่า ฮ่า ๆ แค่จำภาษาไทยก็ถือว่ายากและเยอะเลย นับประสาอะไร พูดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยเป็นภาษาญี่ปุ่น >_<)

พอจบ EVENT วันแรกก็ต้องกลับมาเตรียมของที่จะต้องใช้ที่จำเป็น รวมไปถึงพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ลิสต์สถานที่ที่จะไป เพราะส่วนตัวเคยไปแค่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ แค่ที่เดียว ทุกอย่างคือครั้งแรก งานนี้ก็เลยถือว่าเป็นการท้าทายอย่างหนึ่งด้วยเช่นกันค่ะ TT

วันที่ 1 พ.ค.

เริ่มต้นด้วยเช้าอันสดใส ฉันเดินทางไปรับลูกค้าที่โรงแรม ก่อน 9 โมง ฉันกับลูกค้าเดินทางไปด้วย MRT จากสุขุมวิทไปลงที่สนามไชย ก่อนขึ้น MRT ฉันได้อธิบายเกี่ยวกับกำหนดการว่าจะไปที่ไหนบ้าง พอแจ้งลิสต์สถานที่ที่จะไปแล้ว พอถึงสถานีสนามไชยแล้ว ซึ่งเป็นครั้งที่สองของฉัน และเป็นครั้งแรกของลูกค้า ก็ค่อนข้างประหลาดใจ เมื่อใกล้จะถึงทางออกจาก MRT ก็จะตกแต่งคล้ายกับกำแพงวัด และก่อนถึงบันไดทางออก 3 ก็จะมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก ๆ และแผนที่สถานี พอดูรอบ ๆ เสร็จก็เดินออกจาก MRT แล้วก็ขึ้นรถแท็กซี่ไปยังสถานที่ที่ลิสต์ไว้ ตัวสถานที่ท่องเที่ยวนั้นห่างจากสถานี MRT ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่เพราะด้วยอากาศร้อนมาก ๆ เลยทำให้ตัดสินใจไปด้วยแท็กซี่ และก่อนที่จะขึ้นรถแท็กซี่ไปยังสถานที่แรก ก็เห็นมิวเซียมตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับ MRT เลยคิดอยากจะเข้าไปดูข้างใน แต่ช่างน่าเสียดายสถานที่ปิดทำการเนื่องด้วยวันหยุดไทย เลยทำได้แค่ถ่ายภาพหน้าตัวอาคาร และฉันอาสารับบทเป็นตากล้องจำเป็นให้กับลูกค้า สักสองแชะ

หลังจากนั้นก็เดินทางด้วยรถแท็กซี่ไปสถานที่แรกค่ะ
นั่นก็คือ !! วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว

วัดคู่บ้านคู่เมืองของไทย เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชาวต่างชาติเมื่อมาประเทศไทย หรือคนต่างจังหวัดเองก็ต้องมาให้ได้เลยค่ะ
พอฉันกับลูกค้าลงจากแท็กซี่ก็ต้องเดินไปตามทาง รถเข้าไปจอดหน้าประตูทางเข้าไม่ได้ เลยจำเป็นที่จะต้องเดินเท้าไป ระหว่างที่กำลังเดินหาประตูทางเข้า ฉันต้องคอยสังเกตที่ประตู เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าประตูไหนเป็นทางเข้า และแล้วก็เห็นประตูหนึ่งที่ผู้คนต่างเดินเข้าไป ก็เลยมุ่งไปที่จุดนั้นโดยไม่ได้รีบเร่งอะไรมาก เพราะมันไกลจากจุดที่ลงรถพอสมควร ฉันคิดว่าวัดพระแก้วเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากันเยอะมาก เดินไปทางไหนก็เจอคนต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน เดินไปไหนมีแต่คนจีน เกาหลี และอเมริกัน แทบจะไม่มีคนไทยเลย (ถึงมีก็ส่วนน้อยแหละ TT) วัดพระแก้วกลายเป็นศูนย์รวมชาวต่างชาติไปโดยปริยายแล้ว ฮ่า ๆ หลังจากที่เดินเข้ามาในส่วนที่เป็นลานกว้างก็แวะถ่ายรูปเจดีย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของวัดแก้ว และต่อไปก็เข้าไปในส่วนของวัด ฉันหยิบโบรชัวร์ของวัดพระแก้วที่เป็นภาษาญี่ปุ่นมอบให้ลูกค้า ลูกค้าได้รับมาแล้วเปิดดูในส่วนหน้าเนื้อหา ข้างในโบรชัวร์มีแผนที่ประกอบด้วยละ พวกเราอยู่จุดที่เป็นกำแพงรอบ ๆ และบนกำแพงมีจิตรกรรมภาพฝาผนังรามเกียรติ์ ฉันอธิบายว่าแต่ละภาพเกี่ยวข้องกับอะไร ตัวละครบางตัวว่าเป็นใคร พูดอธิบายว่า จุดไหนบ้างที่สามารถถ่ายรูปได้บ้าง และเดินดูรอบ ๆ เจดีย์ และถ่ายรูปให้ลูกค้า ก่อนที่จะเข้าอุโบสถเพื่อเข้าชมพระแก้วมรกต ฉันได้พาลูกค้ามานั่งพักที่ศาลา และอธิบายเกี่ยวกับพระแก้วมรกตในพระอุโบสถ ซึ่งเป็นที่เดียวที่สามารถเข้าได้ แต่ห้ามถ่ายภาพ ฉันได้สอนเกี่ยวการกราบพระแบบไทยให้แก่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นด้วยค่ะ

เนื่องจากวัดพระแก้วค่อนข้างกว้างและใหญ่ เลยใช้เวลานานในการเดินสำรวจกว่าที่คิด แต่ก็เป็นไปตามกำหนดการที่ฉันได้วางแผนไว้ แต่ก่อนออกจากวัดก็ได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์วัดพระแก้ว ฉันได้อธิบายเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์ ให้แก่ลูกค้าได้ฟัง

และพอออกมานั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ อากาศร้อนมากจนฉันเริ่มหน้าแดง พอพักให้หายเหนื่อยแล้ว จากนั้นก็เดินออกจากเขตวัดพระแก้วเพื่อรอรถแท็กซี่ไปยังวัดโพธิ์ ซึ่งวัดโพธิ์เป็นสถานที่ถัดไปในลิสต์การเที่ยวชมค่ะ พอเข้ามาข้างในเขตวัดก็จะเห็นพระอุโบสถ (เพราะพระอุโบสถอยู่ใกล้ ๆ ก็เลยเห็น) ข้างในจะเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ทรงนอน นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติหรือคนไทยก็ต้องมาชมและถ่ายภาพด้วยอีกเช่นกันค่ะ

ถัดจากนั้นก็เดินออกจากพระอุโบสถปยังโบสถ์ชั้นใน ซึ่งก่อนเข้าโบสถ์ ฉันกับลูกค้าก็เห็นชาวต่างชาติคู่รักคู่หนึ่งกำลังอธิษฐานขอพรสวดมนต์ตามพราหมณ์ (ไม่รู้ว่าเป็นพราหมณ์จริงหรือเปล่า แต่ฉันกับลูกค้ายืนดูก็แอบขำกันเล็กน้อย) ก่อนที่จะพากันเข้าไปข้างในเพื่อกราบไว้ขอพร และฉันก็ถ่ายภาพมาด้วยแหละ


พอถ่ายรูปเสร็จก็นั่งพักก่อนที่จะออกไปเดินสำรวจต่อรอบ ๆ ของวัดอีกครั้งค่ะ หลังจากที่เดินออกจะวัดโพธิ์แล้ว ฉันกับลูกค้าเดินเลาะตามริมถนนไปเรื่อย ๆ จนสะดุดกับซอย ๆ หนึ่ง ซึ่งสุดซอยจะเป็นร้านอาหารที่มีชื่อว่า Eat Sight Story


เป็นร้านอาหารเอเชีย และเป็นร้านที่ติดริมน้ำ สามารถนั่งชมวิวอย่าง เช่น วิวเรือที่สัญจรไปมา และเจดีย์ที่สูงใหญ่ของวัดอรุณอีกด้วยค่ะ ก่อนที่จะหาโต๊ะนั่ง พนักงานถามฉันกับลูกค้าว่า “จะนั่งตรงไหนดีครับ ข้างนอก หรือ ข้างใน” ฉันกับลูกค้าเลือกที่จะนั่งข้างใน เพราะร้อนและเหนื่อยเดินมาก ๆ ฉันกับลูกค้านั่งพักก่อนที่จะสั่งเมนูค่ะ ฉันเลือกข้าวผัดแกงเขียวหวานเนื้อค่ะ ส่วนลูกค้าเลือกทานข้าวผัดปลาแซลมอนค่ะ

ระหว่างที่กินอาหารก็คุยเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องการทำงาน และเรื่องทั่วไป พอกินเสร็จก็ได้ออกไปมองวิวริมน้ำค่ะ สำหรับฉันรู้สึกโล่ง หมายถึงในหัวโล่งมาก ฮ่า ๆ ล้อเล่นค่ะ เวลาที่ฉันมองวิวแม่น้ำ หรือ วิวทะเล แล้วก็จะมีความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนใจสงบลงเลยค่ะ


หลังจากที่ฉันกับลูกค้ากินอาหารและถ่ายภาพวิวกันเสร็จ ก็ถึงเวลาออกเดินทางไปกันต่อ สถานที่ต่อไปคือ วัดอรุณ พวกเราเดินทางด้วยเรือค่ะ พอถึงฝั่งก็พากันเดินเลยทางเข้าวัดยังดีที่เดินเลยได้ไม่ไกลมาก ทำให้ต้องพากันเดินย้อนกลับมาจุดทางเข้าวัดอรุณค่ะ ฉันกับลูกค้า เราเดินสำรวจรอบ ๆ ของพระอุโบสถ จากนั้นก็เดินไปที่เจดีย์ที่เป็นไฮไลต์ของวัดอรุณค่ะ


ตอนที่เดินชมรอบ ๆ ของเจดีย์เสร็จ ฉันกับลูกค้าก็มาเดินชมวิวริมแม่น้ำ ก่อนที่ออกจากวัดอรุณและไปยังสถานที่ถัดไปนั้นก็คือ วัดปากน้ำ ค่ะ ฉันกับลูกค้าต้องเดินไป MRT อิสรภาพ ถึงแม้จะค่อนข้างไกลเล็กน้อย เมื่อถึงสถานีแล้วลูกค้ากับฉันซื้อตั๋วเพื่อไปลงบางไผ่ และโชคดีที่อู่รถแท็กซี่อยู่ใกล้ ๆ เลยไม่ต้องเหนื่อยเดินไปไกล จากนั้นก็มุ่งเข้าสู่จุดหมายปลายทาง

มาถึงสถานที่ที่เป็นไฮไลต์ของทริปนี้กันแล้ว นั้นก็คือ วัดปากน้ำ นั่นเองค่ะ เป็นวัดที่ลูกค้าอยากมาให้ได้ค่ะ ฉันกับลูกค้าเดินเข้าแล้วจะเจอพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และได้ชมประติมากรรมฝาผนัง แต่ก่อนที่จะออกมาชมวิวก็ได้เจอคนญี่ปุ่นซึ่งเขาได้มาอยู่ไทย เมื่อ10 ปีที่แล้ว ฉับกับลูกค้าได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน จนได้เวลาออกเดินทางไปยังสถานที่ต่อไป



หลังจากที่เที่ยวชมวัดปากน้ำกันแล้ว ก็ออกจากวัด โดยออกทางหลังวัด และเดินไปอีกสักพัก ก็เรียกรถแท็กซี่ที่จะขึ้น MRT จากบางไผ่ไปสวนจตุจักร (ค่อนข้างใช้เวลานาน เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าต้องลงท่าพระเพื่อเปลี่ยนขบวนรถไฟ แต่ครั้งนี้จำไว้เป็นบทเรียนเลยว่า ครั้งหน้าถ้าไปต้องลงเปลี่ยนขบวน!!) พอถึงสวนจตุจักร ก็เป็นเวลา 18.00 พอดี ฉันกับลูกค้าก็เดินไปตลาด เพื่อซื้อของ ชอปปิง แต่เนื่องด้วยวันหยุดไทย ตลาดเลยปิด ต้องเดินไปห้างใกล้ ๆ แต่เมื่อเข้าไปที่ห้าง ห้างก็ดูเหมือนจะปิดแล้ว แต่จะมีบางส่วนที่กำลังปิด เลยไม่ได้ซื้อของที่ต้องการค่ะ ทำให้ตัดสินใจว่าจะไป Food Court แต่ก็ปิดหมด เลยต้องเลือกร้านก๋วยเตี๋ยว ชามละ 20 บาทที่กำลังจะปิด

หลังจากนั้นฉันกับลูกค้าก็กลับโรงแรม (ฉันต้องมาส่งลูกค้ากลับโรงแรม) โดยขึ้น BTS จากหมอชิตไปอโศก และเดินมาส่งลูกค้ากลับโรงแรม ฉันเดินมาส่งถึงล็อบบี้ และกล่าวขอบคุณก่อนที่ฉันกับลูกค้าจะแยกจากกัน…………


สิ่งที่ฉันภูมิใจในวันนี้นั่นเลยก็คือ การที่ได้ใช้ความวิชาความรู้ที่ฉันได้เรียนท่องเที่ยว ความรู้ในการนำเที่ยวมาใช้ ถึงแม้จะแค่นิดหน่อยและมันไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าที่คาดหวังไว้สักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยวันนี้ฉันรู้สึกภูมิใจมากค่ะ รู้สึกภูมิใจที่สิ่งที่ฉันได้เรียนมานั้น ๆ ไม่ได้สูญเปล่าอย่างที่คิด ๆ ตอนตั้งแต่ต้น แล้วก็ไม่ได้คิดด้วยว่าฉันจะมีโอกาสมาเป็นไกด์นำเที่ยวให้แก่ลูกค้าชาวญี่ปุ่น ขอบคุณนะคะที่ทำให้ฉันมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้นค่ะ…