BLOG

บทความ

One day trip in NAOSHIMA เกาะแห่งการเยียวยา 1

One day trip in NAOSHIMA เกาะแห่งการเยียวยา 1

เมื่อพูดถึงเกาะนาโอชิมะ คิดถึงอะไรกันหรือ?
งานศิลปะฟักทองแดงลายจุดสีดำ หรือ ฟักทองสีเหลืองสดลายจุดสีดำของ Kusama Yayoi หรือเปล่านะ
หรือชื่อจะเป็น Chichu Art Museum หรือ Benesse House Museum หรือจะเป็น Art House Project

แน่นอนว่าจุดหมายหลักของการมาเยือนเกาะนาโอชิมะของหลายๆ คนก็คือ “ชมงานศิลปะ”
และแน่นอนอีกว่าจุดประสงค์หลักของการให้ผู้มาเยือนได้เสพสุขบนเกาะนาโอชิมะก็คงเป็น “งานศิลปะ” เช่นเดียวกัน

ที่ท่าเรือทากามาทสึ (Takamatsu Port) บริเวณจุดจำหน่ายตั๋วเรือเฟอร์รี่ไปเกาะนาโอชิมะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะคนวัยหนุ่มสาว และคนที่สนใจงานศิลปะ…


อากาศวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส เป็นใจแก่การท่องเที่ยวสุดๆ




จากท่าเรือทากามาทสึนั่งเรือเฟอร์รี่มาเพียง 50 นาที ก็ถึงท่าเรือมิยาโนะอุระ (Miyanoura Port)



ท่าเรือบนเกาะนาโอชิมะ (Naoshima) มีทั้งสิ้น 2 ท่าเรือ คือ Miyaoura Port ที่มีฟักทองแดงลายจุดหรือ Red Pumpkin รอต้อนรับทุกคนอยู่ และอีกฟากหนึ่งเป็น Honmura Port ฝั่งนี้จะเป็นที่ตั้งของ Art House Project และ Ando Museum ไม่ว่าจะลงท่าเรือไหนก็ท่องเที่ยวทั่วเกาะได้อย่างสบายๆ

เรือเฟอร์รี่มีที่นั่งทั้งในห้องแอร์ให้ได้นั่งตากแอร์เย็นๆ และที่นั่งบริเวณดาดฟ้าให้ได้ชมวิวสวยๆ ระหว่างเรือแล่นในทะเลในเซโตะพร้อมรับลมทะเลเย็นๆ





ใครที่อยากนั่งรับลมเย็นๆ พร้อมชมวิวสวยๆ ดาดฟ้าเรือคือคำตอบ










ไม่กี่อึดใจฟักทองแดงขนาดจิ๋วก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น

ก่อนที่เรือเฟอร์รี่จะเทียบท่าผู้คนบนเรือก็พากันออกไปบริเวณพื้นที่ดาดฟ้าของเรือเพื่อถ่ายภาพฟักทองแดงลายจุดจากมุมสูง




ผู้คนทยอยเดินลงจากเรือ แน่นอนว่าจุดหมายแรกของทุกคนพุ่งตรงไปที่ฟักทองแดงลายจุด ไม่กี่วินาทีรอบๆ ฟักทองแดงลายจุดก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คน

เมื่อผ่านไปสักพักใหญ่ ผู้คนก็ค่อยๆ กระจายแยกย้ายไปตามจุดต่างๆ บนเกาะเหมือนกับดอกแดนดิไลออนที่กระจายตามลม ฟักทองแดงลายจุดเลยกลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง


วันนี้อากาศดีไม่มีเมฆฝน เลยตัดสินใจเช่าจักรยานที่ท่าเรือ
ที่บริเวณท่าเรือมีร้านเช่าจักรยานให้เข้าไปใช้บริการไม่น้อย สามารถแวะเข้าไปทักทายขอเช่าจักรยานได้เลย ราคาก็ไม่ต่างกันมากนัก ตั้งแต่ 1,200 – 1,500 เยน/วัน



นอกจากเช่าจักรยานแล้วการเดินทางบนเกาะโชโดะชิมะก็ยังสามารถเดินเท้า แท็กซี่ และรถบัส




เมื่อได้จักรยานคู่ใจ แถมได้สีแดงมีจุดสีดำเหมือนฟักทองแดงลายจุดเลยเสียด้วย

พร้อมแล้วก็ออกเดินทางก็เลย!!!


ระหว่างที่กำลังชมวิวสวยๆ ที่ชวนให้ชมก็ขอเล่าถึงเกาะนาโอชิมะสักเล็กน้อยพอเป็นกระสัย

“เกาะนาโอชิมะ” (Naoshima) เป็นเกาะแห่งศิลปะ ตั้งอยู่ในจังหวัดคางาวะ พื้นที่รวบรวมผลงานของศิลปินชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกเอาไว้ และเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะนานาชาติเซโตะอุจิ หรือ Setouchi Triennale ที่จะจัดขึ้นทุกๆ 3 ปีครั้งตามเกาะต่างๆ ในทะเลในเซโตะ ในครั้งต่อไปก็ตรงกับปีหน้า ปี ค.ศ. 2025 พอดิบพอดี

ผลงานชิ้นเอกของศิลปินในตำนานระดับโลกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อดังระดับโลกเช่นกัน การออกแบบให้อาคารสิ่งปลูกสร้างรวมถึงงานศิลปะให้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิมของเกาะได้อย่างแนบเนียน

“สิ่งใหม่ไม่ได้เข้ามาแทนที่กลับช่วยเสริมสิ่งที่มีอยู่ในโดดเด่นและชัดเจนยิ่งขึ้น และช่วยถนอมรักษาปกป้องให้สิ่งที่มีอยู่คงทนและอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น”

นอกจากพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานศิลปะแล้ว ตามจุดต่างๆ บนเกาะยังมีผลงานศิลปะตั้งกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่งให้ได้ชมเรื่อยๆ เช่นเดียวกับทิวทัศน์ของทะเลในเซโตะระหว่างทางช่วยทำให้รู้สึกจรรโลงใจยิ่งขึ้น

หลังจากได้ชมวิวจนอิ่มก็ได้เวลาออกเดินทางอีกครั้ง





ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่มาเกาะนาโอชิมะ ทุกครั้งก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเกาะนาโอชิมะในทางทีดีขึ้นเรื่อยๆ จากบ้านชาวเกาะที่รกร้างเงียบเหงากลับมาคึกคัก บ้างก็เปิดเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ บ้างก็เปิดที่พักให้เข้าไปใช้บริการ

ครั้งนี้เลยตั้งใจว่าสถานที่ที่เคยไปแล้วอย่าง Chichu Art Museum, Benesse House Museum, Art House Project และ Ando Museum ขอผ่าน และจะไปเก็บที่ๆ ยังไม่เคยไปอย่างร้านอาหาร คาเฟ่ และดื่มด่ำกับบรรยากาศ กลิ่นอายที่เปลี่ยนไปของเกาะนาโอชิมะให้นานยิ่งขึ้น

จักรยานค่อยๆ ลัดเลาะไปตามซอกซอย ค่อยๆ ผ่านหน้า Chichu Art Museum ผู้คนต่อคิวเพื่อรอเข้าชมอย่างใจจดใจจ่อ บางคนไม่ได้จองตั๋วมาล่วงหน้าก็ต้องชวดเข้าไปชมอย่างน่าเศร้าใจ



แม้ว่าจะไม่ได้เข้าชมก็สามารถชมสวนสวยๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพวาดของโมเนต์ด้านหน้าได้






ใครจะมาชมงานศิลปะของ Benesse ไม่ว่าจะเกาะนาโอชิมะหรือเทชิมะก็ต้องจองล่วงหน้า

ปั่นจักรยานมาสักพักหนึ่งก็ถึง Benesse House Museum และ Lee Ufan Museum และงานใหม่อย่าง Valley Gallery เลยขอแวะจอดไปชมเสียหน่อย สำหรับใครที่ปั่นจักรยานมาจะต้องจอดจักรยานไว้ด้านนอก แล้วเดินเข้าไป ส่วนใครที่นั่งรถบัสมา รถจะเข้าไปส่งถึงด้านในเลย


ที่ทางเข้ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแน่นหนา ^ ^;


ทางเดินเข้าไปขาเข้าจะสบายหน่อยเพราะเป็นเนินลง ขากลับอาจจะหอบรับประทานเสียหน่อย




เดินสักพักก็ถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะและชิ้นงานดังกล่าว แค่ได้ชมด้านนอกก็สุขใจ แวะนั่งพักสักหน่อยเลยเดินกลับไปทางเดิมที่เข้ามา





จุดหมายถัดไปคือ Pumpkin หรือฟักทองสีเหลืองลายจุดที่ตั้งอยู่บริเวณหาดโกะทันจิใกล้ๆ Benesse House Museum ระหว่างทางไป ต้องลงเนินสุดสายตาคือทัศนียภาพสุดแสนอลังการของทะเลในเซโตะ ที่ไม่ว่าใครได้เห็นเป็นต้องตาโต





เอี๊ยด!! จอดจักรยานได้อย่างสวยงาม และเดินลงไปที่หาดผ่านเสาโทริอิเอบิสุ (Ebisu Shrine Torii gate) เอี๊ยด!! แต่ก็ต้องเบรกอีกหนเพราะวิวของทะเลในเซโตะที่มองลอดผ่านเสาโทริอิช่างดึงดูดเสียเหลือเกิน



บนเสาโทริอิเต็มไปด้วยก้อนหินที่คนมักอธิษฐานขอพรแล้ววางหินไว้บนเสาโทริอิเพื่อให้คำขอเป็นจริง สังเกตได้จากระดับความสูงของเสาโทริอิที่ไม่ค่อยสูงมาก ช่างใจกว้างเสียจริง

เดินเลียบหาดไปพร้อมกับเหล่านักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่ถอดรองแล้วแล้วเดินลุยทะเลให้ได้สัมผัสหาดทรายหยาบๆ ให้ได้นวดเท้า และน้ำทะเลเย็นๆ ที่ช่วยคลายความร้อยของแดดยามเที่ยง ฟักทองสีเหลืองสีสดใสตัดกับฟ้าสีครามขนาดเบ้อเริ่มอยู่ด้านหน้า ผู้คนกำลังต่อแถวเพื่อถ่ายรูปกับฟักทองสีเหลืองอันโด่งดัง





เมื่อถ่ายรูปเสร็จสรรพก็เดินกลับไปหาข้าวเที่ยงกิน ระหว่างทางสายตาก็สะดุดกับประกายแสงแดดระยิบระยับสีสะท้อนบนผิวน้ำจนดูเหมือนข้างใต้มีอัญมณีซ่อนอยู่เสียอีก โดนธรรมชาติล้อลวงอีกครั้ง วันนี้ฟ้าโปร่งมองไกลเห็นถึงท่าเรือทากามาทสึเลยทีเดียว ชมวิวสวยๆ และฟังเสียงคลื่นกระทบหาดทรายเบาๆ ช่วยทำให้ใจสงบร่มเย็น ต่างจากอากาศที่กำลังแผดเผา แต่อากาศแบบนี้ก็ทำให้เราสมกับเป็นมนุษย์ที่ยังมีความรู้สึกดีนะคะ




ลองเปิดกูเกิลแมพดูว่าแถวนี้มีอะไรกินบ้าง และมีอะไรเปิดบ้างนะ ก็พบว่าใกล้ๆ มีร้านอาหารเปิดอยู่ เลยเดินตามกูเกิลแมพไปร้านเปิดไฟพร้อมตัวอักษรที่บอกว่า “เปิดจ้า” คำสั้นๆ ที่ชวนให้ใจชื้น

ส่วนตัวมองว่าเสน่ห์ของการเที่ยวเกาะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกาะเมงิจิมะ เกาะโองิจิมะ เกาะเทชิมะ และเกาะนาโอชิมะนั้นคือการไม่มีอะไรได้ดั่งใจ ไม่มีอะไรที่เป็นไปตามแผน ร้านที่ดูไว้ว่าอยากจะเข้าไปกินก็ดันปิด แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เจอสิ่งใหม่ๆ และทำให้เรารู้จักปรับตัวปล่อยวางยิ่งขึ้น

EAT LOCAL NAOSHIMA SHOKUDO แค่ชื่อก็กินขาด เมื่อเปิดประตูเข้าไปที่นั่งทุกที่ยังว่างเปล่ามีเพียงพนักงานประจำที่เคาท์เตอร์ พร้อมกล่าวคำทักทายที่คุ้นหู อิรัชชัยมาเสะ~~ ด้วยเสียงละมุ่นละม่อม



จอสั่งอาหารจอใหญ่มีภาษาอังกฤษให้เลือก จึงไม่ใช้เรื่องยากสำหรับชาวต่างชาติ ทว่าสิ่งที่อยากกว่าภาษาคือการเลือกเมนู ไม่ว่าเมนูไหนก็น่ากินไปเสียหมด สุดท้ายจึงเลือกอาหารชุดไคเซ็นด้งข้าวหน้าอาหารทะเลที่เสิร์ฟมาพร้อมน้ำซุปดาชิปลาอิริโกะหรือปลาซาดีนตากแห้งจากเกาอิบุคิจิมะแหล่งผลิตปลาอิริโกะที่โด่งดัง พร้อมเพิ่ม SETOPON น้ำส้มโซดาเย็นชื่นใจมีขายแค่บนเกาะนาโอชิมะเท่านั้น ด้วยคำนี้จะไม่สั่งได้อย่างไร เมื่อสั่งเสร็จก็จ่ายเงิน รับทั้งเงินสดและการ์ด ระบบอัตโนมัติที่สุดแสนสะดวกสบาย



จากนั้นก็กลับมานั่งรออาหารที่โต๊ะอย่างใจจดใจจ่อ
ที่นั่งของร้านมีให้เลือกทั้งข้างใน และข้างนอกเลือกนั่งได้ตามอัธยาศัย บางก็เข้ามาสั่งเบียร์ไปนั่งจิบเย็นๆ ตรงม้านั่งใกล้หาดก็มี ได้กินดื่มเคล้าบรรยากาศริมทะเลก็ดีไม่น้อย




รอประมาณ 10 นาที อาหารก็น้ำมาเสิร์ฟ ในชุดนั้นมีข้าวหน้าปลาดิบ ปลาดิบวันนี้เป็นปลาฮามาจิและปลาไทชิ้นหนากำลังดี เคียงมาพร้อมปลาข้าวสาร เครื่องเคียงสามอย่าง หนึ่งในนั้นมีโชยุมะเมะ ถั่วปากอ้าตุ๋นในซอสโชยุเครื่องเคียงท้องถิ่นของคางาวะ และซุปปลาอิริโกะตากแห้งที่สดชื่นมาก



ชั่วพริบตาเดียวอาหารใจจานก็หายไป
เมื่อเติมพลังและพักตากแอร์เย็นๆ สักพักก็ได้เวลาออกเดินทางต่อ

จากนี้จุดหมายของเราก็คืออีกฟากหนึ่งของเกาะ นั่นก็คือ ฝั่งท่าเรือฮนมุระ
ครั้งหน้าทุกอย่างจะราบรื่นเป็นดั่งใจต้องการไหมนั้น

มานั่งชมวิวรอติดตามตอนต่อไป…



🌐ข้อมูลเพิ่มเติม (ภาษาอังกฤษ)
● ตารางเดินเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะนาโอชิมะ
https://naoshima.net/en/access/access_area/
● แผนที่ท่องเที่ยวเกาะนาโอชิมะ
https://naoshima.net/wp-content/uploads/2015/11/86d3061295654c0eb31b5bd391c3d888.pdf
● ข้อมูลการเดินทางบนเกานาโอชิมะและตารางเดินรถบัสบนเกาะ
https://naoshima.net/en/access/access_from/
● ดาวน์โหลดเอกสารการท่องเที่ยวเกาะนาโอชิมะ
https://naoshima.net/en/guidemap/