BLOG

บทความ

ตะลุยเกาะยักษ์และเกาะแมว ตอนที่ 1

ตะลุยเกาะยักษ์และเกาะแมว ตอนที่ 1

หลังจากที่เมื่อปี 2015 ได้มีโอกาสไปตะลุยฉายเดี่ยวที่เกาะเมงิจิมะมาแล้วซึ่งก็โหดมันฮาพอตัว เพราะครั้งนั้นไปในวันหยุด ผ่านไป 8 ปี เกาะเมงิจิมะจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ?

ครั้งนี้ได้มีโอกาสกลับมาคางาวะอีกครั้ง ((ปีนี้เจอกัน 2 ทีแล้วน้า~)) เลยใส่เกาะเมงิจิมะไว้ในกำหนดการ จะไปเกาะเดียวอาจไม่พอ เลยพ่วงเกาะโองิจิมะเข้าไปด้วยเป็น One day trip เลย

ไม่ได้ไปแค่หนึ่งแต่ไปถึงสอง เกาะเมงิจิมะ (Megijima / 女木島) หรือเกาะผู้หญิง และเกาะโองิจิมะ (Ogijima / 男木島) หรือเกาะผู้ชาย ตามความหมายของคันจินั้นแล

ทริปครั้งนี้จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้อีกครั้งหรือไม่นั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ครั้งนั้นไปแบบไม่วางแผนเลยทุลักทุเลและไปเจอกับวันหยุดยิ่งสนุกสนานเข้าไปใหญ่ ถ้าวันนั้นไม่เป็นวันหยุดคงไม่ได้เจอประสบการณ์แบบนั้นเป็นแน่แท้ เอาเป็นว่าครั้งนี้ขอทำการบ้านหน่อยดีกว่า

ก่อนอื่นขอคิดก่อนว่าจะเดินทางบนเกาะยังไงดีนะ ดูกูเกิลแมพไปคิดไปจะจักรยานหรือเดินดีนะ

เอาเป็นว่าจักรยานละกัน เพราะเดินไปถ้ำยักษ์ใช้เวลา 38 นาที ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร และล้วนแต่เนินๆ เหมือนเดินสู่ยอดเขาเลยทีเดียว แถมระหว่างทางมีแต่ต้นไม้ใบหญ้า เกรงว่าหากเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางคงจะแย่เป็นแน่แท้ แม้จะรู้ว่าความรู้สึกที่ปั่นจักรยานในตอนนั้นจะเป็นอย่างไร ก็ขอใส่ตารางไว้แบบนั้นก่อนค่อยว่ากัน

วาร์ปมา ณ ท่าเรือทากามาทสึ ตามหาเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วไปท่าเรือเมงิจิมะ ตามแผนเราจะไปเกาะเมงิจิมะ จากนั้นก็ไปต่อเกาะโองิจิมะ แล้วค่อยกลับมาทากามาทสึ

ที่ท่าเรือทากามาทสึมีอาคารขายตั๋วเรือไปยังเกาะต่างๆ แยกกัน ต้องเช็คดีๆ ว่าอยู่ตึกไหน ของเกาะเมงิจิมะอยู่ตึกนี้ ใกล้กับสวนทามาโมะ ซากปราสาททากามาทสึมากที่สุด ข้ามถนนตรงนั้นมาก็เจอเลย

เคาน์เตอร์จะหันหน้าออกทะเลในเซโตะ ใครที่เดินเข้าอาคารต้องทะลุออกมาอีกฝั่งถึงจะเจอ หรือจะเดินอ้อมวนรอบอาคารก็ได้เดี๋ยวก็เจอ หาไม่ยากเลย



ประมาณ 07.30 น. เรือก็มาเทียบท่าไว้รอ คนที่มาจากทางโน้นทยอยลงเรือ คนที่จะขึ้นไปใหม่เข้าคิวรอ และเมื่อถึงเวลา 08.00 น. เรือก็ออกจากท่าทันที


ผู้โดยสารขึ้นเรือมาและจับจองที่นั่งของตัวเองมีทั้งแบบในเรือเปิดแอร์เย็นฉ่ำในหน้าร้อน และแบบนั่งกินลมชมวิวชิลๆ ขอบอกเลยว่าฤดูนี้อากาศข้างนอกคือสุดยอดมาก เลยขอถ่ายรูปนิดหน่อย แล้วกลับเข้ามานั่งข้างในดีกว่า ที่นั่งข้างในมีทั้งแบบโซฟายาวและแบบเป็นโต๊ะนั่งเมาท์มอยกับผองเพื่อน

วันนี้ที่นั่งเรือไม่ว่างและไม่แน่นจนเกินไป กำลังพอดิบพอดี มีนักท่องเที่ยวทั้งวัยรุ่นและผู้สูงวัย ดูทรงแล้วครั้งนี้ไม่มีเหงาเหมือนครั้งก่อนแน่นอน

เรือค่อยๆ แล่นออกจากท่า นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้นั่งเรือมาตั้งแต่หลังโควิดแล้วนี่หน่า

((โชคดีที่ไม่มีอาการเมาเรือใดๆ))

ใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้นเสียงประกาศในเรือก็ดังขึ้น “กรุณานั่งอยู่กับที่จนกว่าเรือจะเทียบท่า” เมื่อเทียบท่าเรียบร้อยผู้โดยสารก็ทยอยเดินลงจากเรือ วันนี้ผู้โดยสารอุ่นหนาฝาคั่งกว่าครั้งก่อน ครั้งนี้คงไม่ต้องเหงาและเปล่าเปลี่ยวอีกแล้วสินะ


โอ๊ะ! รถบัสนี่หน่า คันใหม่ไฉไลดูดีเหลือเกิน ด้วยความกังวลรีบเดินสาวเท้าไปที่อาคารโอนิโนะคัง เพื่อซื้อตั๋วรถบัส ใจเต้นตึกตักว่าคุณยายยังอยู่ไหม ไม่เห็นเลยแฮะ ใจหนึ่งก็อยากรู้ อีกใจหนึ่งก็แอบกลัว หวังว่าคุณยายจะสุขภาพแข็งแรง


รถบัสจะวิ่งออกจากท่าเรือไปถ้ำยักษ์ช่วงเวลาใกล้ๆ เรือมาถึง แนะนำว่าให้มาซื้อตั๋วก่อนแล้วขากลับค่อยมาถ่ายรูปรอบๆ อาคาร และงานศิลปะแถวๆ ท่าเรือ

ครั้งนี้เจ้านกนางนวลออกลูกออกหลานดกไปหมดเลย จากตอนแรกมีแค่จุดเดียว ตอนนี้แพร่ขยายไปทั่วเลย

เมื่อได้ตั๋วก็รีบพุ่งไปที่รถ พร้อมก้มหัวทักทายน้าคนขับ เลือกที่นั่งหลังสุด


เบาะหน้าสุดเป็นคุณตาสองคนที่คุยกันอย่างออกรสออกชาติบนเรือเฟอร์รี่เกี่ยวกับเกาะต่างๆ ของคางาวะ และเรื่องยาชิมะสถานที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในยุคเซนโกคุ
ถัดมาเป็นน้องผู้ชายสองคน น่าจะช่วงม.ปลายไม่ก็มหาลัย และผู้ชายอีกคนที่น่าจะเป็นชาวต่างชาติ


รถบัสวิ่งผ่านถนนแคบๆ ขึ้นไปยังบนเขาที่ตั้งของถ้ำยักษ์ เส้นทางคดเคี้ยวเกินกว่าในความทรงจำ จนนึกสงสัยขึ้นมาว่าตอนนั้นฉันปั่นขึ้นมาได้ยังไงนะ นึกแล้วก็ขำขึ้นมาในใจเบาๆ ลำพัง จนวิวทะเลในเซโตะปรากฏที่หน้าต่างก็ช่วยปลุกให้ตื่นจากภวังค์ สวยจนต้องเหลียวหลังไปถ่าย ถ้าเป็นที่ไทยคงลุกวิ่งไปถ่ายแล้ว


ประมาณ 10 นาที รถบัสจอดด้านหน้าทางเข้าถ้ำยักษ์ ตอนนั้นใช้เวลามากกว่า 30 นาทีหรือมากกว่ามากๆ ด้วยซ้ำ

ยักษ์สีสันสดใสยังคงต้อนรับเหมือนเดิมไม่หายไปไหน




ที่หน้าเศร้าคือร้านของชำหน้าถ้ำยักษ์ปิดเสียแล้ว ประตูและป้ายต่างๆ ที่สนิมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



คุณตาที่อยู่ด้านบนก็เปลี่ยนเป็นคุณน้าอีกคน แต่ก็ยังขยันขันแข็งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน พร้อมรับหน้าที่เป็นตากล้องให้กับทุกคนเช่นเคย


ครั้งก่อนดูในถ้ำไม่หมด ไม่ครบทุกจุด เพราะด้วยความกลัว ครั้งนี้มีเพื่อนเพียบจะกลัวไปใย เก็บทุกเม็ดเก็บทุกมุมอย่างไม่หวาดเกรงใดๆ







จากที่เล่ามาเหมือนจะเรียบร้อยดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าพายุมักมาหลังความสงบ…

จู่ๆ วัตถุสีดำก็บินผ่านหน้าอย่างรวดเร็ว…
ไม่หรอก ไม่ใช่หรอก

สักพักสังเกตเห็นว่าตรงทางออกทำไมน้องสองคนไม่ออก ที่สงสัยได้รับคำตอบ สีดำๆ เมื่อตะกี้ก็คือ ค้างคาวเองจ้า

ไม่ได้มาหนึ่ง มาถึงสอง เอ๊ะ ไม่ได้มาสองเอ้ามาสาม บินวนอยู่ตรงแถวๆ ทางออก

นึกสบถในใจชิบหายน่ากลัวกว่ายักษ์รอบที่แล้วอีก กลัวโดนกัดไม่อยากเป็นค้างคาว ((เป็นครั้งคราวโอเค…แฮร่ตึ่งโป๊ะ)) ไม่รู้จะทำไงกันดี
เล็งจังหวะแล้ววิ่งออกทีละคนสองคน



จนในที่สุดก็ออกจากถ้ำอย่างปลอดภัย

รอบที่แล้วมาที่ถ้ำยักษ์แต่ก็ไม่ได้ขึ้นไปบนจุดชมวิวเพราะมาคนเดียว และอากาศก็เย็นยะเยือกจนไม่กล้าเดินขึ้นไปข้างบนนั้น

ครั้งนี้เลยคว้าโอกาสนี้ไว้เดินไปบนจุดชมวิว
เส้นทางข้างหน้านั้นถ้ามาคนเดียวคงไม่ไปเป็นแน่แท้ หญ้าสูงพอประมาณ ใยแมงมุมที่ถักทอระหว่างทางเหมือนจะดักเราได้แทนแมลง คนแรกอย่างเราที่ออกตัวก่อนคนอื่นเขาก็เหมือนแหวกทางแหวกใยแมงมุมให้กับทุกคนเอาไว้


ถึงจุดชมวิวอุราชิมะทาโร่ยืนอยู่เหงาๆ เพียงลำพัง ตากแดดนานไปหน่อยสีซีดเชียว เห็นวิวทะเลในเซโตะเกาะต่างๆ ครึ่งหนึ่ง หญ้าครึ่งหนึ่ง นึกในใจว่าใช่เหรอ




แต่แล้วเสียงในความคิดก็ดังออกมา คุณลุงเป็นตัวแทนของทุกคนด้วยความฉงนว่ามันใช่หรือนี่ คุณลุงนำทัพเดินไปข้างบนพร้อมเรียกเพื่อนให้ตามมา


คุณลุงดูนิดเดียวแล้วก็เดินกลับมา เราเลยเดินขึ้นไปต่อ วิวทะเลในเซโตะที่ปรากฏเบื้องหน้าค่อยๆ สวย สวยขึ้น สวยมากๆ สวยแบบตะโกน


\ สวยยยยยยยยยยยยยยยยย /

โชคดีอากาศวันนี้แจ่มใสท้องฟ้าเปิด ทะเล ท้องฟ้า สีจัดจ้าน เห็นไปไกลถึงสะพานเซโตะโอฮาชิเลย

เชิญชมได้เลยค่ะ ((ผายมือ))






ขากลับเราก็นั่งรถบัสอีกเช่นเคย คุณน้าเจ้าหน้าที่ที่ถ่ายรูปให้ถามไถ่เป็นไงบ้างสนุกไหม

ได้ทีเลยฟ้องว่ามีค้างคาวด้วย
คุณน้าไม่แสดงสีหน้าแปลกใจใดๆ อ่อ ค้างคาว
ค้าวคาวคือเจ้าถิ่น เราเป็นผู้มาเยือนสินะ
รถบัสพามาถึงท่าเรือโดยสวัสดิภาพ ระหว่างรอเรือเฟอร์รี่เที่ยวถัดไปไปเกาะโองิจิมะ มีเวลาอีกประมาณเกือบชั่วโมง เลยเดินเล่นรอบๆ ท่าเรือ เก็บภาพงานศิลปะ อย่าง Moai, 20th Century Recall เปียโนที่เล่นเพลงตลอดไม่ได้พัก และ Seagull Parking เจ้านกนางนวลที่ออกลูกออกหลานเต็มท่าเรือ



เดินต่ออีกหน่อยชายหาดวันนี้ดูมีชีวิตชีวากว่า 8 ปีที่แล้ว เพราะเป็นช่วงปลายฤดูร้อนด้วยมั้งคนเลยมาเล่นน้ำทะเลกันที่นี่


แปลกแต่จริง ทะเลในเซโตะเหมือนมีพลังงานบางอย่างมองดูได้ไม่เบื่อเลย ให้นั่งมองทั้งวันไม่ต้องไปไหนก็ได้นะ








ที่เกาหลีเขามีเทศกาลนั่งเหม่อแถวริมแม่น้ำฮัน
คางาวะทำบ้างก็คงจะดี นั่งเหม่อมองทะเลในเซโตะ

นั่งไปสักพักหนึ่งก็ใกล้ถึงเวลาเรือจะมาแล้ว
เลยเดินกลับไปที่อาคารท่าเรือ

เรือเมะองเทียบท่าเรือ กลุ่มวัยรุ่นมากมายลงมาจากเรือประหนึ่งเป็นช่วงปิดเทอมแล้วมาเที่ยวกับเพื่อนๆ หลายกลุ่ม หลายวัย ทั้งคนหนุ่มคนสาว และผู้สูงวัย

ทุกอย่างจนถึงตอนนี้ดูดีไปหมดเสียจริงๆ
((หากไม่นับค้างคาว))
ที่เกาะโองิจิมะ จะผ่านไปด้วยดีเหมือนที่นี่ไหมหนอ

ได้แต่ลุ้นอยู่ในใจ

หวังว่าเกาะโองิจิมะจะใจดีกับเรา


..
.