BLOG

บทความ

Return to Fukushima ดีใจที่ได้พบกัน… (ตอนที่ 2)

Return to Fukushima ดีใจที่ได้พบกัน… (ตอนที่ 2)

วันที่สองของการเดินทางเริ่มด้วย Moring Call ยามเช้าตั้งแต่ 6 โมงเช้า ((เสียงนี้ที่คิดถึง ไม่ได้ยินมานานเลยค่ะ)) เวลาไปออกทริปมักจะมีเสียงปลุกยามเช้าเสมอ เสียงใสๆ ของโทรศัพท์บ้านช่างชวนให้ตื่นนอนเสียเหลือเกิน

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เริ่มต้นวันดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
อาหารเช้าของโรงแรมก็ยังคงอร่อยถูกปากรสชาติโดนใจเหมือนอาหารค่ำเมื่อวาน


เมื่อเติมพลังให้กระเพาะเรียบร้อยก็ได้เวลาออกเดินทาง
วันนี้เราจะเดินทางไปยังเมืองฟุกุชิมะ จะเรียกว่าเป็นอำเภอเมืองก็ว่าได้ค่ะ ตั้งอยู่ตอนกลางของจังหวัดเรียกพื้นที่นี้ว่า “นากะโดริ” (Naka-dori Area) พื้นที่นี้จะมีความเย็นขึ้นมาอีกนิดหน่อย ยิ่งใกล้เมืองฟุกุชิมะ ก็เริ่มเห็นหิมะตกค้างตามสองข้างทางถนนยิ่งขึ้น


ระยะทางจากเมืองอิวากิไปยังเมืองฟุกุชิมะ ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงนิดๆ ค่ะ
ระหว่างทางวันนี้ไกด์เอ๊ะและพี่ชุของเรานั้นมีเกมส์สนุกๆ ปนระทึกใจให้เลือดสูบฉีดเล็กน้อย นั่นก็คือ… Bingo!!!! เรียกความตื่นเต้นให้กับคนบนรถไปไม่น้อยเลยค่ะ

สำหรับคนที่บิงโกก็จะได้รับของรางวัลที่ไกด์แอ๊ะเตรียมไว้ พร้อมถ่ายรูปรับกับมือของคุณกันด้วยค่ะ
หลังจากเล่นไปพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาครองไมค์ของนักร้องเสียงดีที่เป็นที่ประจักษ์ทั่วทุกแห่งหน คุณกัน นภัทร~~♪

ฟังเพลงเพลินๆ กว่าจะรู้ตัวก็ใกล้ถึงจุดหมายแรกของเราในวันนี้นั่นก็คือ ชิคิโนะซาโตะ (Village of Four Seasons) ที่มีหิมะตกค้างภายในสวนเป็นหย่อมๆ





แน่นอนว่าวันนี้เจ้าหน้าที่จังหวัด เมือง และพนักงานก็ออกมารอต้อนรับคณะอีกครั้ง และที่พิเศษสุดๆ คือ “โมโมริน” (ももりん) มาค่ะ




โมโมรินคืออะไรหนอ??


โมโมรินก็คือ มาสคอตของเมืองฟุกุชิมะนั่นเองค่ะ

น้องเป็นกระต่ายน้อยสีขาวปุกปุย เพราะเมืองฟุกุชิมะในช่วงฤดูใบไม้ผลิมีสถานที่ชมซากุระอันเลื่องชื่อมากมาย และในช่วงฤดูนั้นเมื่อมองไปยังยอดเขาอาสุมะ จะมองเห็นหิมะสีขาวมองดูคล้ายกระต่าย ซึ่งเรียกกันว่า “ยูกิอุซางิ” (雪うさぎ) หรือกระต่ายหิมะนั่นเองค่ะ


แท้จริงแล้วโมโมรินมีเพื่อนอีกตัวหนึ่งแต่ไม่ได้มาด้วยนั่นก็คือ “แบล็คโมโมริน” (ブラックももりん) คู่ปรับตลอดกาลของโมโมรินค่ะ ^^;

กิจกรรมแรกของวันนี้คือ กิจกรรมแกะสลักแก้ว แม้ว่าไม่ได้ลงมือทำด้วยตัวเองก็สัมผัสได้ว่า ยากไม่ใช่เล่น



เริ่มต้นจากเลือกลวดลายที่ชอบ แปะลายไว้ด้านในแก้ว แล้วเอาเมจิกเพอมาเน้นวาดตามลายที่เราเลือก จากนั้นก็เอาเครื่องมือเจาะๆ ไถๆ ไปเรื่อยๆ จนทิ้งรอยเอาไว้ประมาณหนึ่ง จากนั้นก็เอาแอลกอฮอลเช็ดๆ ก็จะปรากฏลายขึ้นมา ถ้ายังรู้สึกว่ายังไม่พอก็ใช้ที่เจาะ เจาะซ้ำไปซ้ำมาได้ค่ะ




เมื่อทำกิจกรรมเสร็จสิ้นก็ไปกินเนื้อแกะเจงกิสข่านบุฟเฟ่ต์กันค่ะ!!!!




อร่อยอิ่มหน่ำสำราญ
ได้เวลาเดินทางไปยังอาณาจักรน้ำแข็งที่แท้จริงแล้วค่ะ


จากพื้นที่ตอนกลางของจังหวัดเคลื่อนตัวไปยังพื้นที่ตะวันตกของจังหวัด หรือเรียกกันว่า “พื้นที่ไอสึ” (Aizu Area) แค่ได้ยินชื่อก็หนาวแล้วค่ะ 55555

พื้นที่ไอสึเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ในฟุกุชิมะแล้วเป็นพื้นที่ที่หนาวสุดเลยก็ว่าได้ เป็นพื้นที่ที่หิมะตกหนาสุดเลยก็ว่าได้

ระหว่างทางเคลื่อนตัวผ่านภูเขาเราก็ได้เห็นปริมาณหิมะที่ค่อยๆ หนาขึ้น หนาขึ้นเรื่อยๆ





ในที่สุดพวกเราก็จะได้เจอหิมะแบบจัดเต็มแล้วค่ะ!
Mori no Uta ตั้งอยู่ในพื้นที่อุระบันไดซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งทะเลสาบ!


ในช่วงฤดูร้อนเปิดเป็นพื้นที่ตั้งแคมป์ริมทะเลสาบฮิบะระ (Lake Hibara) เมื่อเข้าฤดูหนาวน้ำในทะเลสาบก็จะกลายเป็นน้ำแข็ง ที่นี่ก็จะเปิดเป็นพื้นที่สำหรับตกปลาวาซากิ ที่ต้องเจาะน้ำแข็งแล้วหย่อนคันเบ็ดลงไป พร้อมกิจกรรมสนุกๆ เหนือทะเลสาบน้ำแข็งมากมาย

ที่นี่มีสื่อญี่ปุ่นมารอทำข่าวด้วยค่ะ
เมื่อไปถึงก็เปลี่ยนเป็นรองเท้าบูทจะได้ไม่เปียกค่ะ

จากนั้นก็ได้เวลาขี่รถสโนว์โมบิลไปยังใจกลางทะเลสาบเพื่อทำกิจกรรมตกปลา

ตอนที่นั่งรถพ่วงที่ต่อท้ายสโนว์โมบิล สนุกมาก แบบร้องตะโกนเลยค่ะ ^^;
อยากจะหยิบมือถือออกมาเก็บภาพ ทว่าอีกใจหนึ่งก็กลัวจะกลายเป็นภาพสุดท้ายค่ะ
ฝีมือพลขับนั้นช่างดุดันไม่เกรงใจใครเสียจริงๆ ค่ะ 5555++

ตะโกนจนคอแห้งก็ถึงพื้นที่สำหรับเจาะน้ำแข็งตกปลาค่ะ


ขณะเดินบนผิวน้ำแข็งต้องตั้งสติให้เต็ม 100 ค่อยๆ มอง ย่างเยื้องลงไปบนผิวน้ำแข็งเพราะประหนึ่งมีกับระเบิดเลยทีเดียว
ผิวน้ำแข็งเริ่มละลายไม่แน่นพอ พอเหยียบอาจจะลึกกว่าตาเห็น จมลงในน้ำก็เป็นได้ค่ะ แต่ไม่อันตรายขนาดที่ว่าฟุบหายไปทั้งตัวบุ่งๆ มะลักมะลักอึกอึกนะคะ แค่อาจจะเปียกแข้งขาเสียหน่อย

นอกจากจะต้องระวังแผ่นน้ำแข็งที่ไม่ค่อยแน่นแล้ว ต้องคอยระวังหลุมที่คนขุดทิ้งเอาไว้เพื่อตกปลาอีกด้วยค่ะ อันนั้นลึกจริงจังค่ะ

นอกเรื่องไปเสียไกล…

เมื่อไปถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง คุณลุงเจ้าของก็เริ่มสอนเลยทันที ตากล้องและนักข่าวก็เริ่มกระชับวงให้แคบขึ้น เพื่อไม่ให้พลาดช่วงเวลาสำคัญ
((แผ่นน้ำแข็งเจ้ากรรมก็มิได้เป็นใจ… แต่ละคนต่างตกหลุมตัวตะแคงเป็นพักๆ มาชมย้อนหลังได้ที่ LIVE ค่ะ))


หลังจากเจาะหลุมก็ถึงช่วงหย่อนคันเบ็ดลงไปในน้ำ


แต่ละคนก็ลุ้นและเอาใจช่วยจนตัวโก่งว่าจะตกปลาได้ไหม



คุณกัน นภัทรถึงขั้นสวมวิญญาณเป็นพระสังข์ร้องเพลงเรียกปลาเลยทีเดียวเชียวค่ะ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละค่ะ ปลามาติดเบ็ดในที่สุดค่ะ


หลังจากสื่อได้เก็บภาพและสัมภาษณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาสนุกกันแล้วค่ะ! 


โชคดีวันนี้อากาศดีมากๆ แสงอาทิตย์รำไร ไม่หนาวมากเท่าไหร่ ทุกคนสามารถใช้เวลากลางแจ้งได้อย่างเต็มที่เลย


กิจกรรมแสนสนุกที่เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับทุกคนเลยก็คือ กิจกรรมเลื่อนหิมะค่ะ
ลากกระดานเลื่อนไปบนเนินสูงงง แล้วไถลลงมาฟิ้ว~ สนุกจนลืมเวลาเลยค่ะ








เมื่อเล่นจนอิ่มใจก็มาเติ่มอาหารให้อิ่มท้อง
ปลาวาซากิทอดกรอบและเครื่องดื่มอุ่นๆ อย่างอามะสาเก



ที่ Mori no Uta ไม่เพียงจะได้ทำกิจกรรมสนุกๆ เท่านั้น มิตรภาพมากมายได้ก่อตัวขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้
ผู้คนที่นี่คงอบอุ่นมากขนาดทำให้หิมะละลายเลยล่ะค่ะ



กว่าจะรู้ตัวพระอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยต่ำลงเสียแล้ว

นี่สินะคะ ที่เขาว่ากันว่า เมื่อเรามีความสุขเวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ คำพูดนี้ไม่เกินจริงเลย

รถบัสค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านถนนที่สองข้างท้างเต็มไปด้วยหิมะ แสงอาทิตย์ที่ทอแสงระยิบระยับลอดออกมาระหว่างทิวสนสีดำ ความมืดค่อยๆ ไล่ตามรถบัสที่กำลังมุ่งหน้าสู่โรงแรมในคืนนี้

โรงแรมที่พักในคืนนี้คือ Hotel Listel Inawashiro ที่เป็นโรงแรมที่เคยมาพักในทริปฤดูใบไม้ร่วง เมื่อปี 2565 ที่นี่ทำให้ทริป Return to Fukushima สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพราะเคยมาเยือนแล้วครั้งหนึ่ง


แม้ว่าจะมืดค่ำที่โรงแรมเจ้าหน้าที่ก็ยังคงรอต้อนรับด้วยใบหน้าที่สดใส


นอกจากเจ้าหน้าที่แล้วที่นี่ยังมาสคอตของเมืองมาคอยต้อนรับอีกเช่นเคยค่ะ
“ฮิเดโยะคุง” (ひでよくん) คาแร็คเตอร์ที่สร้างขึ้นมาจากคุณหมอฮิเดโยะ ที่ปรากฏอยู่บนธนบัตร 1,000 เยนของญี่ปุ่น นักวิทยาศาสตร์ที่ดังระดับโลก ซึ่งคุณหมอมีบ้านเกิดอยู่ที่นี่ค่ะ


ป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ที่เขียนข้อความแทนใจของเหล่าสตาฟที่นี่
\ พวกเราดีใจที่ได้พบ “กัน” อีกครั้ง /